บ้านทะลักหมื่นหน่วย
Loading

บ้านทะลักหมื่นหน่วย

วันที่ : 18 ตุลาคม 2561
โซนกรุงเทพฯตะวันออก ซัพพลายเกิดใหม่คึกคัก บ้านเดี่ยวครึ่งปีทะลัก 7 พันหน่วย ซีบีอาร์อีเผย ตัวเลขออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินขอทำบ้านเดี่ยวเยอะสุด 2 กลุ่มบริษัทเก่าแก่ป้อนบ้านหรู 20 ล้านอัพเพิ่ม 100 หน่วย รับดีมานด์โต รถไฟฟ้า ถนนตัดใหม่ หนุนทำเล
          แห่ขอจัดสรรพรึบดัน5ทำเลทองกทม.โซนตะวันออกคึก

          โซนกรุงเทพฯตะวันออก ซัพพลายเกิดใหม่คึกคัก บ้านเดี่ยวครึ่งปีทะลัก 7 พันหน่วย ซีบีอาร์อีเผย ตัวเลขออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินขอทำบ้านเดี่ยวเยอะสุด 2 กลุ่มบริษัทเก่าแก่ป้อนบ้านหรู 20 ล้านอัพเพิ่ม 100 หน่วย รับดีมานด์โต รถไฟฟ้า ถนนตัดใหม่ หนุนทำเล

          จากนโยบายรัฐบาลบูมโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานครเป็นที่แรก ทั้งรถไฟฟ้า โครงข่ายถนนตัดใหม่เปิดทำเลทองที่อยู่อาศัย  สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อีกทั้งโครงการขนาดใหญ่รัฐระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ยิ่งส่งผลให้ความเจริญขยายตัวมายังทำเลแถบนี้อย่างรวดเร็ว

          นายสาทิต สืบสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจและทำเลน่าสนใจในการพัฒนาโครงการกลุ่มบ้านหรูของกลุ่มบริษัท พรีเมียร์ กรุ๊ปฯ หลังจากเปิดโครงการ ภายใต้แบรนด์บ้านนวัต รวม 3 โครงการ มูลค่า 1.28 พันล้านบาท คือ บ้านนวัต พระราม 9, บ้านนวัต เอกมัย-รามอินทรา และล่าสุดบ้านนวัต รามคำแหง 118  อีกจำนวน 23 หน่วย ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท ว่าเบื้องต้นบริษัท มีแผนพัฒนากลุ่มบ้านหรู เฉลี่ยปีละ 2 โครงการ ขณะนี้กำลังมองหาที่ดินที่เหมาะสม โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯตะวันออก เช่น เอกมัย-อ่อนนุช-ศรีนครินทร์รามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา ที่บริษัทมีความคุ้นเคยในทำเลอย่างดี จากการเป็นผู้บุกเบิกวงการหมู่บ้านจัดสรรยุคแรกๆโครงการหมู่บ้านเสรี รวมถึงโครงการ 99 เรสซิเดนซ์ พระราม 9 โดยมองว่าปัจจุบันทำเลดังกล่าวมีความโดดเด่นขึ้นมาก จากแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยภาครัฐ ทั้งถนน ทางด่วน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีส้ม ทำให้มีความสะดวกในการเดินทางรวดเร็วยิ่งขึ้น และเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในสัดส่วนสูง จนปัจจุบันโครงการภายใต้แบรนด์ใหญ่ครบเกือบทุกแบรนด์ในย่านกรุงเทพกรีฑา ขณะที่ช่วงรามคำแหงตอนปลายกลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ เกิดโครงการระดับลักชัวรีเป็นจำนวนมาก

          "จากศักยภาพทำเลที่สูงขึ้น มีการขยายสนามบิน ก่อสร้างรถไฟฟ้า และโครงการอีอีซีฉะนั้นความเจริญของเมืองจึงย้ายมาอยู่ฝั่งตะวันออกและจะขยายไปเรื่อยๆ โครงการที่เกิดขึ้นมีแทบทุกระดับราคา แต่ดีมานด์ที่สูงสุด คือ กลุ่มระดับกลาง-บน 15 ล้านบาทขึ้นไป อนาคตรถไฟฟ้าสายสีส้มมา เชื่อจะมีคอนโดฯผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแน่นอน"

          ด้าน นายศุภโชค ปัญจ ทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอทเซท ไฟว์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 3 ของตระกูลปัญจทรัพย์ กล่าวเสริมว่าปัจจุบันทำเลที่มีความโดดเด่นที่สุดในโซนกรุงเทพฯตะวันออก คือ พระราม 9- ศรีนครินทร์ ตลอด 2 ฝั่งของถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ หลังจากบริษัทประสบความสำเร็จ จากการเปิดพรีเซล โครงการบ้านเดี่ยวแบบโมเดิร์นลักชัวรี"วนา เรสซิเดนซ์" จำนวน 69 หน่วย ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท ซึ่งเพียง 1 เดือนสามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 500 ล้านบาท เฉลี่ย 5 หน่วย/เดือน สะท้อนถึงกำลังซื้อระดับบนที่ดีมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเจ้าของกิจการ พบทุกโครงการที่เปิดขาย ราคามากกว่า 20 ล้านบาท มีอัตราดูดซับที่ดีมาก ซึ่งมาจากศักยภาพของถนนตัดใหม่ ที่กว้าง 6-8 เลน เดินทางเข้าเมืองได้หลากหลายและยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช โรงเรียนนานาชาติ สนามกอล์ฟ ห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนิตีมอลล์ ทั้งนี้บริษัทยังมีแลนด์แบงก์ ติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เตรียมไว้สำหรับโครงการในอนาคตอีกด้วย

          "โลเกชันเส้นตัดใหม่ มาจากแยกศรีนครินทร์ ทะลุออกร่มเกล้าได้ ตรงนี้เหมือนเป็นโซนเปิดใหม่เทียบเท่าด้านตะวันออกอย่างราชพฤกษ์ โซนบ้านหรูที่พื้นที่เต็มหมดแล้ว โดยตลอด 2 ฝั่งกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ แม้มีหมู่บ้านเริ่มทยอยเกิดขึ้นมาก แต่ทุกโครงการขายได้หมด ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ดูดซับดี"

          ขณะที่ นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาและตัวแทนขายโครงการ เปิดเผยว่า ใน 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561)  ภาพรวมและการเติบโตบนทำเลกรุงเทพฯ โซนฝั่งตะวันออกนั้น มีการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวเฉลี่ยปีละประมาณกว่า 1 หมื่นหน่วย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี  ขณะที่ครึ่งแรกของ ปี 2561 เปิดขายโครงการแล้วกว่า 7 พันหน่วย สอดคล้องกับ จำนวนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาส 2 พบว่าทั้งหมดมีจำนวนถึง 433 ราย โดยการออกใบอนุญาตดังกล่าว ในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกมีมากถึง 271 ราย ซึ่งคิดเป็น 63% ของทั้งหมด

          "ชัดเจนว่าซัพพลายของแนวราบ กลับมามีบทบาทในตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะมากขึ้นในปีถัดๆไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ที่ได้รับความนิยมสูง จากแผนขยายการคมนาคมในอนาคต ทำให้ผู้พัฒนาหันมาเจาะ เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้อยู่อาศัยในแถบนี้"

          ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2564 ส่วนสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) คาดเปิดเดินรถได้ในปี 2566 ขณะที่ถนนกรุงเทพ กรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์ร่มเกล้า) ระยะทาง 12 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้างช่วง 2 อุโมงค์ทางลอด และช่วงที่ 5 ทางยกระดับข้ามมอเตอร์เวย์ ขนาด 6 ช่องจราจร มีกำหนดแล้วเสร็จทั้ง 2 ส่วนเดือนธันวาคมนี้ ส่วนภาพรวมจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงเดือนมีนาคม 2562
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ