"เจ้าสัวเจริญ" แผ่อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ จับตาใน 5 ปีนี้เตรียมปักหมุดกว่า 10 โครงการใหญ่ มูลค่าเฉียด 2 แสนล้านบาท ล่าสุดคว้าประมูลที่ดินแปลงใหญ่เอคิว 4.3 พันไร่ ผุดเมืองโลจิสติกส์ หวังดึงอาลีบาบา ยักษ์อี-คอมเมิร์ซจีนร่วม
          จากธุรกิจแอลกอฮอล์ที่สร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาลในแต่ละปี ปัจจุบันเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีผู้ที่ว่ากันว่าถือครองที่ดินในประเทศไทยมากที่สุด ประมาณ 6 แสนไร่ หันมาขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์อย่างจริงจังภายใต้บริษัท ทีซีซี แอสเส็ท (ประเทศไทย) จำกัด
          เริ่มตั้งแต่ซื้อหุ้นบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด(มหาชน) จากนั้นก็เข้าซื้อหุ้นบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ และเห็นทิศทางชัดเจนขึ้นเมื่อได้กลุ่มเฟรเซอร์ เข้ามาร่วมถือหุ้น ทั้งยูนิเวนเจอร์ และโกลเด้นแลนด์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และเช่า อาทิ อาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้า เช่น โครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์, อาคารปาร์ค เวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์ และโรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจกรุงเทพฯ
          นอกจากนี้ในอาณาจักร อสังหาฯยังมีกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ฯ อีกหนึ่งขาที่ดำเนินธุรกิจอสังหาฯเพื่อขายและเพื่อเช่าเช่นเดียวกัน แต่จะเน้นน้ำหนักโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
          จากการรวบรวมของ"ฐานเศรษฐกิจ" พบว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ กลุ่มเจ้าสัวเจริญมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.86 แสนล้านบาท
          เน้นลงทุนโครงการใหญ่
          นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ ให้ทรรศนะว่าการรุกธุรกิจอสังหา  ริมทรัพย์ของเจ้าสัวเจริญ ส่วนใหญ่จะเน้นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรมมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่ละโครงการล้วนเป็นโครงการ มิกส์ยูสขนาดใหญ่ และกระจายอยู่บนถนนพระราม 4 เป็นหลัก ประกอบด้วยโครงการเอฟวายไอเซ็นเตอร์ อาคารสำนักงานและ
          โรงแรม เปิดให้บริการแล้ว ส่วนที่กำลังก่อสร้างอีก 3 โครงการมี วัน แบงค็อก, เดอะปาร์ค และสามย่านมิตรทาวน์ โดยเฉพาะวัน แบงค็อก โครงการขนาดใหญ่สุดของไทยด้วยมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ทุกโครงการอยู่บนที่ดินเช่ากรรมสิทธิ์ดำเนินการพัฒนา
          ทำให้แนวทางการทำธุรกิจอสังหาฯของเจ้าสัวเจริญ ค่อนข้างแตกต่างจากบริษัทอสังหาฯที่พัฒนาโครงการเพื่อขายเป็นหลัก เพราะมุ่งหวังได้รายได้ที่เข้ามาระยะสั้น เพื่อนำไปพัฒนาโครงการต่อไป ในขณะที่กลุ่มทีซีซี เน้นทำรายได้ต่อเนื่อง
          ตั้งกองรีทฟันกำไร
          ปัจจุบันในกลุ่มบริษัททีซีซี แอสเซ็ส(ประเทศไทย) ฯและกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท  เวิรด์ฯ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการอาคารสำนักงานในกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่อาคารรวมทั้งสิ้น 397,900 ตารางเมตร และในอนาคตเมื่อโครงการมิกซ์ยูสที่กล่าวมาข้างต้นสร้างเสร็จจะมีพื้นที่อาคารอีกประมาณ 733,000 ตารางเมตร รวมแล้วประมาณกว่า 1 ล้านตารางเมตร ถือเป็นรายใหญ่สุดของธุรกิจ
          "แต่ละอาคารสำนักงานทำรายได้ค่อนข้างดี จนเจ้าสัวเจริญนำไปรวมกันตั้งเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหา ริมทรัพย์ หรือกองรีท ขายให้กับนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ก็สามารถทำกำไรกลับคืนมาได้จากการขายหน่วยลงทุน ซึ่งแนวทางนี้บริษัทสามารถทากำไรง่ายกว่าขายคอนโดมิเนียม จึงไม่แปลกที่กลุ่มของเจ้าสัวเจริญจะเป็นรายเดียวที่เข้าประมูลที่ดินแปลงใหญ่ได้ทุกรายการ"
          นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย และตัวแทนขาย-ปล่อยเช่าอสังหาฯ  เปิดเผยถึงทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มอาคารสำนักงานให้เช่า ว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งในแง่ของปริมาณซัพพลาย และราคาค่าเช่า จนเรียกได้ว่า ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันเป็นขาขึ้นของตลาดออฟฟิศในเมืองชั้นใน เนื่องจากมีโครงการเกิดใหม่ต่อเนื่อง และมีการขยับราคาค่าเช่าพุ่งสูงขึ้นปีละ 10% เดิมเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 1,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 บาทต่อตารางเมตร
          ส่วนปริมาณของซัพพลาย คาดว่าในปี 2562 จะมีการแข่งขันของโครงการสำนักงานเกรด A มากขึ้น เพราะจะมีซัพพลายเกิดใหม่โดยรวมประมาณ 78,600 ตารางเมตร ไม่นับรวมโครงการในอนาคตอย่าง"เดอะวันแบงค็อก" เช่น โครงการ "The PARQ  (เดอะ ปาร์ค)" ของกลุ่ม ทีซีซี แอสเซ็ทส์ จำนวน 63,000 ตารางเมตร ,โครงการ "สามย่านมิตรทาวน์" 50,000 ตารางเมตร, โครงการ "ซัมเมอร์ฮับ ออฟฟิศ" อีก 10,000 ตารางเมตร และ โครงการรีโนเวตตึกเก่าสร้างไม่เสร็จ บริเวณบางนา-ตราดอีก 1 แห่ง จำนวน 18,000 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ซัพพลายทั้งหมดก็ยังไม่สอดคล้องกับดีมานด์ปัจจุบันที่มีความต้องการมากกว่า 2 แสนตารางเมตร
          รุกเมืองโลจิสติกส์
          นอกจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและเช่าแล้ว ล่าสุดบริษัท ทีอาร์เอ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด (ทีอาร์เอ) ในเครือบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียลคอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด(มหาชน) และบริษัทนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จำกัด เข้าร่วมการประมูลขายทอดตลาดที่ดินว่าง ซึ่งเป็นที่ดินของเอคิว เนื้อที่ตามโฉนดรวมทั้งสิ้น 4,315 ไร่ ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนบางนาตราด กม.32 อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และเป็นผู้ชนะการประมูลดังกล่าวด้วยวงเงินประมูลรวมทั้งสิ้น 8,914,070,000 บาท
          แหล่งข่าวในธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์กล่าวว่า เจ้าสัวเจริญ เตรียมแผนพัฒนาที่ดินดังกล่าวให้เป็นเมืองโลจิสติกส์ เนื่องจากทำเลที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และใกล้พื้นที่อีอีซีด้วย โดยจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในพื้นที่ไว้รองรับ ทั้งนี้ตั้งเป้าจะมีลูกค้าที่เป็นสินค้าทั่วไปและสินค้าไอโอที โดยมีแนวโน้มจะดึงกลุ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่อย่างอาลีบาบา ของนายแจHค หม่า เข้ามาเช่าพื้นที่ นอกเหนือจากนี้ทางกลุ่มยังมีแผนจะซื้อที่ดินแปลงอื่นทั่วประเทศเพื่อขยายธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม
          "ที่ดินแปลงที่เป็นของเอคิวนี้ ถือเป็นแปลงขนาดใหญ่ติดกรุงเทพฯแปลงสุดท้ายและยังอยู่ในพื้นที่สีม่วงตามผังเมือง สามารถสร้างนิคมอุตสาหกรรมได้"
          ลุยศูนย์ประชุมโลก
          นอกจากโครงการขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4แล้ว กลุ่มทีซีซีแลนด์ ยังล้อมรั้วเดินหน้าพัฒนาโครงการ มิกซ์ยูส ทั้งโรงแรม ศูนย์ประชุมระดับอินเตอร์บนที่ดิน 300 ไร่ ติดถนนประเสริฐ มนูกิจ ล่าสุดยื่นเรื่องต่อสำนักผังเมืองกรุงเทพมหานครเพื่อปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์ ตามผังเมืองกทม.ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ที่คาดว่าจะบังคับใช้ปลายปี 2562 แล้ว
          รวมถึง โครงการขยาย เอเชียทีคฯ เฟส2 เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 50ไร่ ขณะเดียวกันยังซื้อที่ดิน  ริมน้ำเจ้าพระยาย่านเจริญนครและ ที่ดินเขตบางรัก โดยเฉพาะถนนสุรวงศ์ ท่าน้ำสี่พระยาและโรงแรม 'นิวโทรคาเดโร' เยื้องโรงแรมโอเรียนเต็ล ตรงข้ามกับโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก
          ขณะเดียวกันกลุ่มของเจ้าสัวเจริญอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงแรมแมริออท บนถนนสุรวงศ์ และ ซื้อตึกเก่าในชุมชนซอยพระนคเรศ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ชุมชนสะพานเหลือง ติดถนนพระราม 4 ล่าสุดอยู่ระหว่างปรับพื้นที่