ทุนภูธรสบช่องโละสต๊อก-ขยับลงทุนใหม่
          อสังหาฯหาดใหญ่ สงขลาฟื้นตัว ยอดขายปี 2561 ขยายตัว 10% ทุนท้องถิ่น แห่ลงทุนโครงการใหม่กว่า 500 ยูนิต หลังชะลอลงทุนมา 3 ปี คาดปี 2562 ยอดขายโตต่อเนื่อง ชี้มาตรการแบงก์ชาติไม่กระทบยอดซื้อมากนัก
          นายธนวัฒน์ พูนศิลป์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออกซิเจนเรียล เอสเตท จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาวะอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลาปี 2561 มีการขยายตัวขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2560 เป็นช่วงที่ ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามียอดโครงการเหลือขายจำนวนมาก
          ข้อมูลการสำรวจที่อยู่อาศัยปี 2561 จังหวัดสงขลา พบว่ามีอยู่ 13,000 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3,000 ยูนิต ส่วนที่ยังระบายไม่หมดเหลือประมาณ 1,000 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการจัดสรรเดิมที่ยังระบายไม่หมด 500 ยูนิต มีการลงทุนใหม่อีก 500 ยูนิต และในส่วนคอนโดมิเนียมเดิมมีประมาณกว่า 6,000 ยูนิต เป็นโครงการเก่าเหลือขายกว่า 500 ยูนิต และโครงการลงทุนใหม่ 1,000 ยูนิต ระดับราคาตั้งแต่ 1.5-1.7 ล้านบาท ฯลฯ ถือว่าเหลือไม่มาก
          สำหรับทิศทางปี 2562 ไม่น่าวิตก คาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจาก ผู้บริโภคเริ่มกล้าใช้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถ โดยภาพรวมเศรษฐกิจความเชื่อมั่นเริ่ม กลับมา ต่างชาติเชื่อมั่น นักลงทุนกล้าลงทุน ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ชายแดนไทย-มาเลเซีย โครงการ รับเบอร์ซิตี้ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้านภาคธุรกิจท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทางจังหวัดชายแดนไทย-มาเลเซีย จ.สงขลา ขยายตัวเติบโตเพิ่มขึ้น ภาพรวม อสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลามีมูลค่าประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท
          ทั้งนี้ โครงการลงทุนใหม่จำนวน 4 โครงการ เป็นของกลุ่มทุนท้องถิ่น มีระดับราคาเฉลี่ยประมาณ 3-5 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ออกซิเจนเรียล เอสเตท จำกัด ลงทุนโครงการหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 250 ยูนิต, บริษัท หาดใหญ่นครินทร์ จำกัด ลงทุนโครงการหมู่บ้านปาล์มสปริง 100 ยูนิต, บริษัท บ้านประกายทอง วิลล์ จำกัด ลงทุนโครงการหมู่บ้านประกายทอง 100 ยูนิต และบริษัท ปุณณกัณฑ์ วัลเลย์ จำกัด ลงทุนโครงการหมู่บ้านเออบาน่า ประมาณ 50 ยูนิต
          ขณะที่การลงทุนคอนโดมิเนียมมีทั้งโครงการลงทุนของแบรนด์ใหญ่จาก ส่วนกลาง เช่น โครงการดีคอนโด ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), โครงการพลัส หาดใหญ่ ของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และโครงการพลัส คอนโด หาดใหญ่ 2 และ 4 ของบริษัท สิรีน พร๊อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด นอกจากนั้น เป็นทุนท้องถิ่น เช่น โครงการซิตี้ รีสอร์ท ภาสว่าง คอนโดมิเนียม ของบริษัท หาดใหญ่ นครินทร์ จำกัด เป็นต้น
          ในส่วนอาคารพาณิชย์ มีการชะลอการลงทุนก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2548 หรือประมาณ 13 ปีมาแล้วยังระบายออกจึงไม่มีการลงทุนเพิ่ม โดยเหลือขายประมาณ 700 ยูนิต มีระดับราคาตั้งแต่ 3-4 ล้านกว่าบาท
          ด้านนายศุภชัย รุจิเรืองโรจน์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดสงขลา โดย ภาพรวมความต้องการซื้อบ้านในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาไม่ได้ลดลง ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพียงแต่ผู้ประกอบการหลายรายได้ชะลอการลงทุนโครงการใหม่ เพราะยังมีโครงการเก่าเหลือขาย เพื่อให้โครงการที่ค้างอยู่ถูกระบายออก
          ล่าสุดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางเริ่มทยอยลงทุนใหม่แล้ว และสามารถออกแบบโครงการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ซื้อได้ดีกว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสินค้าค้างสต๊อก ที่ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการได้ยาก ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งเป็นทุนในท้องถิ่นจะมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุน เพราะมีที่ดินตุนอยู่ในมืออยู่แล้ว ส่วนทุนใหญ่จากกรุงเทพฯเป็น 3 รายเดิม และจะลงทุนในคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นต้น
          ตอนนี้สถาบันการเงินค่อนข้างมีมาตรการเข้มงวดในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ซึ่งทำให้ ผู้ประกอบการรายใหม่อาจจะมีความยุ่งยากในการดำเนินธุรกิจ
          ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคาบ้านและที่ดิน ต้นทุนที่ดินยังคงราคาสูง โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-6 ล้านบาท/ไร่ ส่งผลให้นักลงทุนมีการปรับกลยุทธ์ให้บ้านมีขนาดเล็กลงและลดราคา นอกจากนั้น มีการบริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นด้วย โดยย่านทำเลทองสำหรับที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ใกล้ตัวเมืองหาดใหญ่ เช่น ย่านถนนปุณณกัณฑ์ บริเวณมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ย่านถนนสายสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ย่านถนน 4 แยกคลองหวะ เข้าเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นต้น
          ส่วนกรณีมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นระหว่างผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน จ.สงขลา คงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร แต่หลักเกณฑ์ของ ธปท.อาจจะต้องปรับแก้บ้าง เช่น กรณีที่บุตรเรียนอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่ต้องการซื้อบ้านให้อยู่อาศัย รวมถึงบางคนมีทาวน์เฮาส์ อยู่แล้ว แต่พอมีกำลังซื้อต้องการขยายมาซื้อบ้านเดี่ยว เป็นต้น