ชูยุทธศาสตร์แตกแล้วโตรุกอสังหา ลุยมิกซ์ยูสจับไลฟ์สไตล์คนเมือง

          เซ็นจูรี่ สยายปีกคอมมูนิตี้มอลล์ไลฟ์สไตล์ จ่อผุดสาขา 3 ปี 2564 ล่าสุดทุ่ม 3,000 ล้าน เปิดมิกซ์ยูสย่านสุขุมวิท ตั้งเป้า 7 ปี คุ้มทุน

          นายกำพล พูลวรลักษณ์ รองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกพัฒนกิจ ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตของ พูลวรลักษณ์ คือ การแตกแล้วโต ซึ่งบริษัทวางแผนขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบคอมมูนิตี้ ไลฟ์สไตล์มอลล์ แห่งที่ 3 ในปี 2564 ในรูปแบบมิกซ์ยูส เพราะเชื่อว่าจะตอบโจทย์คนในพื้นที่ได้ดี โดยมุ่งเน้นทำเลในกรุงเทพฯ หรือบริเวณชุมชนที่มีผู้อาศัยหนาแน่น และคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีแล้วเสร็จ

          ทั้งนี้ บริษัทใช้งบลงทุน 3,000 ล้านบาท สำหรับโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 2 เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท ย่านอ่อนนุช โดยเป็นคอมมูนิตี้ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ครึ่ง หรือราว 7 หมื่น ตร.ม. ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้คอนเซ็ปต์มูฟไปกับจังหวะชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง มุ่งตอบโจทย์ทางด้านไลฟ์สไตล์พื้นที่พลาซาและรีเทล 4.2 ตร.ม. ขณะนี้อัตราการเช่าพื้นที่ค้าปลีก 95% หลังจากเปิดให้บริการเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนโรงภาพยนตร์เซ็นจูรี่ จำนวน 6 โรง ชั้น 4-6

          นอกจากนี้ ยังสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว ภายใต้เชนอวานี โฮเทล จำนวน 383 ห้อง ซึ่งจะเปิดให้บริการเดือน ก.พ.ของปีหน้า ถือว่าสุขุมวิทเป็นย่านที่มีศักยภาพ ทางบริษัทมองว่าพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เกิดการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เกิดที่พักอาศัยทั้งคอนโด หมู่บ้านจัดสรร มีประชากรกว่า 3 แสนคนในพื้นที่ และสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจ การประชุมต่างๆ ชาวต่างชาติ 30-40% ส่วนที่เหลือราว 60-70% เป็นคนไทย

          ขณะที่งบการตลาดใช้ราวกว่า 10 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ครอบคลุมทุกช่องทาง 360 องศา ด้วยกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มบี คนวัยทำงานรายได้ 3 หมื่นบาทขึ้นไป หลังเปิดดำเนินการร่วม 9 เดือน ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า อัตราการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉลี่ย 300 บาท/ครั้ง ซึ่งหากโรงแรมเปิดให้บริการแล้ว คาดว่าปริมาณลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 30% จากปัจจุบันปริมาณลูกค้า 1.5 หมื่นราย/วัน

          นายกำพล กล่าวว่า จากการประสบความสำเร็จเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ อนุสาวรีย์ ซึ่งได้เปิดดำเนินการร่วม 13 ปี ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับโฉมใหม่ในปีหน้านี้ เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ บริษัทมองหาพื้นที่เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันธุรกิจที่ดำเนินการประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ อพาร์ตเมนต์ ธุรกิจตลาดพรานนก ตลาดปัฐวิกรณ์ รวมไปถึง โรงแรมแจซโซเทล

          สำหรับเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท คาดว่าจะคุ้มทุนโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ภายใน 7-10 ปี โดยส่วนใหญ่จะมาจากอัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกโดยเฉลี่ยราว 200 ล้านบาท/ปี หรือมีสัดส่วนรายได้ราว 80% ของรายได้รวม ซึ่งรายได้ดังกล่าวยังไม่รวมถึงรายได้จากโรงภาพยนตร์และรายได้จากกลุ่มโรงแรม