LPN-QH-PSH-PFสบช่อง ระบายสต๊อกบ้านล้านหลัง ดันเข้า ครม. 6 พ.ย.นี้
Loading

LPN-QH-PSH-PFสบช่อง ระบายสต๊อกบ้านล้านหลัง ดันเข้า ครม. 6 พ.ย.นี้

วันที่ : 31 ตุลาคม 2561
แอล.พี.เอ็น.-ควอลิตี้เฮ้าส์-พฤกษา และ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ขนคอนโดมิเนียมในสต๊อกร่วมโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. ดันเข้า ครม.อนุมัติวันที่ 6 พ.ย.นี้ ก่อนลงนามกับผู้ประกอบการ ด้านโบรกฯ มองส่งผลดีต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว รวมทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง DCC, GLOBAL และ SCC
          แอล.พี.เอ็น.-ควอลิตี้เฮ้าส์-พฤกษา และ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ขนคอนโดมิเนียมในสต๊อกร่วมโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. ดันเข้า ครม.อนุมัติวันที่ 6 พ.ย.นี้ ก่อนลงนามกับผู้ประกอบการ ด้านโบรกฯ มองส่งผลดีต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว รวมทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง DCC, GLOBAL และ SCC

          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ได้เตรียมลงนามกับผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH และ บริษัทในเครือของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PFเป็นต้น ที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วในสัปดาห์หน้า (6 พ.ย. 2561)

          ทั้งนี้ LPN จะนำคอนโดมิเนียม บริเวณรังสิตคลอง 1 จำนวน 500 ยูนิตเข้าร่วมโครงการ ส่วน QH มีคอนโดมิเนียม 100 ยูนิต แถวรังสิตเข้ามาร่วมด้วย ขณะที่ PSH มีคอนโดมีเนียม กว่า 1.5 พันยูนิต บริเวณปทุมธานี คลอง 8-9 และ บริษัทในเครือ PF มีคอนโดมิเนียม เข้าร่วมโครงการกว่า 400 ยูนิต แถวนวมินทร์ซอย 135 รวมทั้งผู้ประกอบการที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์และกรมบังคับคดี

          โดย ธอส.ตั้งเป้าที่จะให้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 4.5 หมื่นยูนิต ส่วนโครงการใหม่ที่จะก่อสร้างสามารถกู้เงินจาก ธอส.ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าท้องตลาดฯ ซึ่งมีวงเงินอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

          แหล่งข่าว กล่าวเพิ่มเติมว่า หลัง ครม.อนุมัติโครงการบ้านล้านหลัง แล้วภายใน 3 วัน ธอส.จะนำข้อมูลที่อยู่อาศัยเข้าร่วมโครงการกว่า 1 แสนยูนิต ประกาศขึ้นเว็บไซต์ให้ผู้ที่สนใจ สามารถยื่นจองสิทธิ์เพื่อขอสินเชื่อได้

          โดยสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง แบ่งเป็น สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยวงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จัดทำที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย ไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด อัตราดอกเบี้ย MLR - 1.25% ต่อปี เฉพาะที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนที่มีราคาขายเกิน 1 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย MLR - 0.75%

          สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย วงเงิน 50,000 ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อย กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อคนต่อเดือน ในกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-5 คงที่ 3.00% ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กรณีรายย่อยดอกเบี้ย MRR - 0.75%

          ส่วนกรณีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อคนต่อเดือน ในกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้ กรณีรายย่อยดอกเบี้ย MRR - 0.50% กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 5 ปีแรก เริ่มต้นเพียง 3,800 บาท

          อย่างไรก็ตาม เป้าหมายโครงการบ้านล้านหลัง จะรวบรวมที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั้งแนวราบและแนวสูง พร้อมให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัย ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ โดย ธอส.จะเปิดให้จองที่อยู่อาศัยในโครงการภายในเดือน ธันวาคม 2561 และติดต่อยื่นคำขอกู้ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562

          นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินลงทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า โครงการบ้านล้านหลังของธอส. จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีคอนโดมิเนียมในระดับไม่เกินล้านบาท

          นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า กลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะได้ประโยชน์จากโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. เนื่องจากมีความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค หรือ DCC บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL รวมทั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ