ฮันคิว ผนึก เสนาฯลุยลงทุน11คอนโดรถไฟฟ้า3.5หมื่นล.
Loading

ฮันคิว ผนึก เสนาฯลุยลงทุน11คอนโดรถไฟฟ้า3.5หมื่นล.

วันที่ : 2 พฤศจิกายน 2561
ฮันคิว ฮันชิน ผนึกเสนาฯ เปิดแผนลงทุนอสังหาฯปีหน้า ไม่หวั่นมาตรการคุมเข้มสินเชื่อ ลุยต่อผุดคอนโดอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้าน ตามแนวรถไฟฟ้าเก่า-ใหม่ พร้อมเล็งผุดโครงการมิกซ์ยูส ตามแผนลงทุนอาเซียน
          ฮันคิว ฮันชิน ผนึกเสนาฯ เปิดแผนลงทุนอสังหาฯปีหน้า ไม่หวั่นมาตรการคุมเข้มสินเชื่อ ลุยต่อผุดคอนโดอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้าน ตามแนวรถไฟฟ้าเก่า-ใหม่ พร้อมเล็งผุดโครงการมิกซ์ยูส ตามแผนลงทุนอาเซียน

          แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังจะออกมาตรการคุมเข้มธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ได้ทำให้ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ คอร์ปอเรชั่น ยักษ์อสังหาฯแดนปลาดิบ ที่มีรายได้กว่า 2 แสนล้าน และ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ชะลอแผนการลงทุนร่วมกัน

          นายวาคาบายาชิ ชึเนะโอะ ประธานกรรมการบริหาร ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมา ฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป ได้ขยายการ ลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเล็งเห็น ศักยภาพของประเทศแถบนี้ที่มีผลิตภัณฑ์ มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เติบโตต่อเนื่อง จึงเริ่มเข้ามาร่วมทุนกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในเวียดนาม ไทย มาเลเซียและฟิลิปปินส์รวมมูลค่าการลงทุนปีละ 6,000 ล้านบาทโดยสัดส่วนประมาณ 25% ของการลงทุน ในภูมิภาคนี้เป็นการลงทุนในไทย

          ทั้งนี้เนื่องจากมั่นใจในเศรษฐกิจไทยและจากข้อมูลที่ระบุว่าในปี2574 จำนวนประชากรไทยจะเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงความต้องการ อสังหาฯในอนาคตทำให้ตลาดอสังหาฯ ไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนจาก ต่างประเทศเพราะได้รับผลตอบแทนสูง โดยในปี 2562 ได้เตรียมแผนลงทุนร่วมโครงการคอนโด 11 โครงการมูลค่า 3.5 หมื่น ล้านบาทตามแนวรถไฟฟ้าสายเก่าและสายใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง

          หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมทุนกับเสนาฯ จำนวน 7 โครงการมูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท ได้แก่ นิชโมโน สุขุมวิท-แบริ่ง มีมูลค่าโครงการ อยู่ที่ 3,400 ล้านบาท มียอดจองซื้อ 80%, นิช โมโน เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ มูลค่าโครงการอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท มียอดจองซื้อ  70%, ปีติ เอกมัย, นิช โมโน เจริญนคร, นิช โมโน เมกะ สเปซ บางนา, นิช โมโน รามคำแหง, ปีติ บางจาก

          "ฮันคิวฯ"สนลงทุน"มิกซ์ยูส"

          นอกจากนี้ บริษัทสนใจลงทุนใน ธุรกิจอสังหาฯเพื่อการพาณิชย์ รูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส ที่มีทั้ง ศูนย์การค้า สำนักงาน โรงแรมในกรุงเทพฯ โดยจะใช้ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นมาใช้ร่วมกับเสนาฯ รวมถึงการดึงคนญี่ปุ่นเข้ามาพักอาศัยในประเทศ มากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการ สนับสนุนด้วยการลดอายุผู้ที่เข้ามาพักอาศัย ในไทยในระยะยาวในกลุ่มผู้สูงอายุ และ หากมีโอกาส บริษัทในเครือก็สนใจจะเข้ามาลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าในไทย อาทิ ในพื้นที่บางซื่อจะกำลังจะเป็นสถานีศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนในประเทศ

          โดยผลประกอบการล่าสุด ในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป มีรายได้ กว่า 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจ คมนาคมระหว่างเมือง 29.2%ธุรกิจอสังหาฯ 27.6% ธุรกิจความบันเทิงแบบครบวงจร 15% ธุรกิจการคมนาคมระหว่างประเทศ 10.6%

          ผุดคอนโดแนวรถไฟฟ้าเก่า-ใหม่

          นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนลงทุนร่วมลงทุนโครงการคอนโด 11 โครงการมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทตามแนวรถไฟฟ้าสายเก่าและสายใหม่ จะนำแนวคิด พัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยจาก Geo fit+ Lab ของฮันคิว ฮันชิน ซึ่งเป็นห้องทดลองที่สร้างขึ้น เพื่อพัฒนาความพึงพอใจในการใช้ชีวิต

          ด้วยการรวบรวมคำแนะนำและความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย มาพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์ และทดลองใช้ในพื้นที่เสมือนจริง พร้อมนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไข จนสามารถติดตั้งใช้ได้จริงในโครงการ  ทั้งนี้เนื่องจากเชื่อมั่นว่าบ้านที่ดีต้องเป็นบ้านที่ สนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด

          โดยทางเสนาฯได้นำโนว์ฮาวดังกล่าวนี้ ที่ได้จาก โรงแรม REMM ในเครือ ฮันคิว ฮันชิน มาต่อยอดสู่การทำ โฟกัสกรุ๊ปและได้นำ ข้อมูลของลูกค้ามาพัฒนาโปรดักส์ ผ่านแนวคิด MADE FROM HER ที่ใส่ใจทุกดีเทลชีวิต จากแนวคิดแบบผู้หญิงที่ ตอบโจทย์ ทุกมุมมองความละเอียดในทุกเรื่องซี่ง ประกอบด้วย 2S และ 2Cคือ 1.S = HER Self 2.S = HER Security 3.C = HER Comfort 4. C = HER Circle

          "เป็นวิธีคิดในการสร้างความแตกต่าง ไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการ ในการพัฒนา โครงการคอนโดมิเนียมในทุกโครงการ ทุกเซกเมนท์ที่มีระดับราคา ตั้งแต่ 1- 10 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดจะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ อาทิการแยกส่วนฟิตเนส เพิ่มฟังก์ชั่น ต่างๆ ให้กับผู้หญิง รวมถึงการเพิ่มประกัน และ บริการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อยกระดับการทำคอนโดในไทยให้ดีขึ้น"

          ส่วนแนวคิดในการทำโครงการมิกซ์ยูส ร่วมกับฮันคิว ฮันชิน นั้น นางสาวเกษรา กล่าวว่า อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เริ่มต้นจากการหา ไอเดียซึ่งทุกอย่างล้วนมีโอกาสและความเสี่ยงควบคู่กันในฐานะพาสเนอร์ต้องคอยอัพเดทสถานการณ์ในประเทศไทยทั้งด้านดีมานด์ ซัพพลาย กฏระเบียบต่างๆทุกอย่างเพื่อก้าวไป ด้วยกัน เพราะไม่ได้ต้องการเงินลงทุนอย่างเดียว แต่ต้องการเติบโตไปด้วยกัน

          "การขยายไปสู่การทำอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ รูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะการลงทุนในคอนโดเป็น การลงทุนระยะสั้น 3 ปีเสร็จ ฉะนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งต้องมองหาการลงทุนระยะยาวเข้ามา เกี่ยวกับศูนย์การค้า สำนักงาน โรงแรม ซึ่งเสนาฯ สนใจและร่วมทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ เพียงแต่ว่ายังไม่มีโปรเจคที่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เริ่มคุยในแง่ไอเดียก่อน ลงในรายละเอียด อีกครั้ง"

          รับกังวลเข้มสินเชื่ออสังหาฯ

          สำหรับสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า นางสาวเกษรา กล่าวว่า เป็นกังวลกับสิ่งที่ยังมองไม่เห็นหนึ่งในนั้นคือมาตรการ macro prudential สำหรับสินเชื่ออสังหาฯ ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มีอัตราส่วน LTV ratio ไม่เกิน 90% สำหรับคอนโด และบ้านแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) ไม่เกิน 95% ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งจะทราบความชัดเจนในต้นเดือนพ.ย.นี้ โดยยอมรับว่าเป็นกังวล เพราะกลุ่มเสนาฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ดาวน์ไม่ถึง 20%ด้วยเช่นกัน

          สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2561 เสนาฯเติบโตต่อเนื่อง สร้างรายได้ รวมจากสินค้าแนวราบ แนวสูง และธุรกิจอื่นๆ  2,822.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,151.9 ล้านบาท คิดเป็น 69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวม 1,670.5 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ โตขึ้น 146.6% หรือ 389.8 ล้านบาท คิดเป็น 13.8% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 231.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 158.1 ล้านบาท ส่วนยอดขายในช่วง 6 เดือนแรก  ของปีนี้ รวมได้แล้วถึง 4,296 ล้านบาท หาก บริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันได้คาดว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

          ทั้งนี้ บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้ รายได้จากการโอน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. มูลค่า 7,133.89 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน 2 โครงการประกอบด้วย นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ และ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง)

          ส่วนแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2561 พร้อมเดินหน้ามุ่งมั่นสู่" Growth Hormone2018" โดยตั้งเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท และเป้ารายได้ 6,200 ล้านบาท โต 20% จากปีก่อน ซึ่งจะ มาจากการเปิดตัว 17 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 23,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิด 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,527 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ