S บุ๊กยอดโอน The ESSE Asoke ก้อนโต หนุนผลงานไตรมาส 4/2561 แกร่ง ดันรายได้ทั้งปีเข้าเป้าโต 20% พร้อมเข็นอาคารซัน ทาวเวอร์ ตั้งกองทรัสต์ SPRIME หวังระดมทุนเสริมแกร่งลด D/E คาดชัดเจนปีหน้า

          แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ในไตรมาส 4/2561 คาดว่าน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2561 และอาจจะเป็นตัวเลขที่ดีสุดของปีนี้ เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้ชื่อ "The ESSE Asoke" มูลค่ารวม 4.9 พันล้านบาท ล่าสุดมียอดขาย (Presale) แล้ว 82% ของมูลค่าโครงการ โดยเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมียอดโอนปีนี้ราว 1 พันล้านบาท นอกเหนือจากธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

          ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดของ S แบ่งเป็นรายได้จากที่อยู่อาศัย 44% โรงแรม 34% ส่วนที่เหลืออีก 22% มาจากอาคารพาณิชย์และอื่นๆ

          รายได้โต 20%

          สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2561 คาดว่ารายได้น่าจะเป็นไปตามประมาณการเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่ 6.22 พันล้านบาท เนื่องจากเริ่มเก็บเกี่ยวเม็ดเงินที่ลงทุนจำนวนมาก เช่น โครงการ Singha Complex พื้นที่ 122,608 ตารางเมตร เริ่มเปิดให้บริการและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2561, รายได้จากการเข้าลงทุนซื้อกิจการโรงแรมและรีสอร์ตในแบรนด์ Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ประกอบกับจะมียอดโอนโครงการคอนโดมิเนียม "The ESSE Asoke" เข้ามาเพิ่มเติม

          ตั้งกอง SPRIME

          นอกจากนี้ บริษัทเตรียมนำอาคารสำนักงาน SUN TOWERS เข้ากองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ภายใต้ชื่อ "กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME)" หลังจากบริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ (โดย S ถือหุ้น 99.99%) ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์พร้อมร่างหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยทรัสต์ SPRIME ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาคาดชัดเจนในปีหน้า

          โดยบริษัทย่อยดังกล่าวนั้นมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมด จำนวน 10 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจในการเป็นประกอบธุรกิจการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวนั้นบริษัทคงนำไปใช้ขยายฐานธุรกิจในอนาคต และบางส่วนคงใช้ชำระหนี้สิน เพื่อทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับลดลง จากล่าสุดที่ราว 1.57 เท่า (อิงข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2/2561)

          ส่วนโครงการ "ครอสโร้ดส์" ประเทศมัลดีฟส์ ขนาดเนื้อที่ 397 ไร่ ความยาวกว่า 7 กิโลเมตร โดยจะสร้างเกาะใหม่ขึ้นมา 9 เกาะ มูลค่าลงทุนกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งพัฒนา 2 เฟส โดยเฟสแรก คือ "เดอะ มารีน่า แอท ครอสโร้ดส์" ประกอบด้วย 3 เกาะ มีมูลค่า 311.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.01 หมื่นล้านบาท โดยเกาะที่ 1 ประกอบด้วย ท่าจอดเรือยอชต์, มัลดีฟส์ ดิสคัฟเวอรี เซ็นเตอร์, มารีน ดิสคัฟเวอรี เซ็นเตอร์, หอประชุมอเนกประสงค์, ศูนย์ดำน้ำ และโรงแรม Curio by Hillton ที่มีห้องพักจำนวน 198 ห้องพัก ส่วนเกาะที่ 2 จะเป็นที่ตั้งของโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives จำนวน 178 ห้อง และเกาะที่ 3 เป็นไลฟ์สไตล์รีสอร์ต ระดับ 5 ดาว จำนวน 120 ห้องพัก เน้นกลุ่มคู่รักที่ต้องการความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวนั้นการก่อสร้างคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว โดยน่าจะสามารถเปิดการเฟสที่ 1 ได้ในช่วงต้นปีหน้า

          "แผนปีหน้าทาง S อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล เบื้องต้นคาดพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆอย่างน้อย 3 โครงการต่อปี ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นคงจะมีการนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนจึงสามารถบอกได้ หวังได้เห็นความชัดเจนไม่เกินต้นปี 2562" แหล่งข่าวกล่าว