CMC เตรียมระดมทุน 250 ล้านหุ้น ซื้อที่ดินขยายธุรกิจคอนโดมิเนียม
Loading

CMC เตรียมระดมทุน 250 ล้านหุ้น ซื้อที่ดินขยายธุรกิจคอนโดมิเนียม

วันที่ : 9 พฤศจิกายน 2561
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่าวว่า "บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,000 ล้านหุ้นของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 3 บาท แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย
          นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC  กล่าวว่า "บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,000 ล้านหุ้นของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 3 บาท แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย (บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาทและพาร์ 1 บาท) โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน ไปลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียม ซื้อที่ดิน ตลอดจนชำระหนี้เงินกู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทาง การเงิน และคาดว่าภายหลังไอพีโอ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) จากปัจจุบันที่ประมาณ 1.8 เท่า จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1.3 เท่า และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อต่อยอดธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยหลังจากการเพิ่มทุนกลุ่มแพทยานันท์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้น 75% และนักลงทุนทั่วไปจะถือหุ้นประมาณ 25%

          "CMC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอาคารชุดตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยจุดเด่นของบริษัทฯคือมีอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทำธุรกิจแบบครบวงจร โดยมีบริษัทย่อยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารอการรับรู้รายได้กว่า 4,100 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯอย่างต่อเนื่อง" นายแพทย์วิเชียร กล่าวนอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีแผนจะเปิดขายและพัฒนาโครงการใหม่อีกทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท อนึ่ง บริษัทมีผลประกอบการครึ่งปีแรก 2561 บริษัทฯมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 795 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 405 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงเท่ากับ 41.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 336 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 53 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัท มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ