ORI งบ 9 เดือนกำไรพุ่ง 2,400 ล้านบาท กวาดยอดขายรวมแล้ว 22,496 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของเป้าหมายปี 61 ผนึกกำลัง “โนมูระฯ” ต่อเนื่อง ร่วมลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ “วัน ออริจิ้น 24-พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี”

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 60% จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 556 ล้านบาท จึงส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกทางบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 2,399 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 148% จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 966 ล้านบาท

          โดยงวดไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 4,035 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 106% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,959 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 3,224 ล้านบาท รายได้ค่าบริหารโครงการ 433 ล้านบาท นอกจากนี้ มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 314 ล้านบาท และมีรายได้อื่น ๆ 62 ล้านบาท ส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 2,587 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงปีก่อน

          สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2561 บริษัทมียอดขายรวม 22,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของเป้ายอดขายใหม่ทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมโครงการมีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการแฟล็กชิพระดับลักซ์ชัวรี่อย่างพาร์ค ออริจิ้น พญาไท และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ทั้งนี้ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อแม้ยังไม่ได้เปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่มียอดขายแล้วประมาณ 65%

          ขณะที่งวดไตรมาส 4/2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และโครงการ บริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงนี้อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร และโครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105

          นอกจากนี้ ทางบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ในฐานะพันธมิตรของบริษัทยังมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งล่าสุดได้ร่วมทุนกับโนมูระเพิ่มเติมในอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ วัน ออริจิ้น 24 และ โครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี 
          ดังนั้น จากความร่วมมือจะทำให้โดยรวมแล้วมีการร่วมทุนทั้งคอนโดและโรงแรมรวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท (ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา) ซึ่งในอนาคตจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่องราวปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงแรม