SENAจ่อบุ๊กแบ็กล็อก1.5พันล้าน รับอานิสงส์มาตรการธปท.เร่งโอน
Loading

SENAจ่อบุ๊กแบ็กล็อก1.5พันล้าน รับอานิสงส์มาตรการธปท.เร่งโอน

วันที่ : 28 พฤศจิกายน 2561
SENA แย้มผลงานไตรมาส 4/61 ดีสุดของปีนี้ จ่อบุ๊กแบ็กล็อก 1,500 ล้านบาท รับอานิสงส์มาตรการควมคุมสินเชื่อของธปท. เร่งการตัดสินใจซื้อ-โอนบ้าน มั่นใจรายได้ปีนี้ 6,200 ล้านบาท
          SENA แย้มผลงานไตรมาส 4/61 ดีสุดของปีนี้ จ่อบุ๊กแบ็กล็อก 1,500 ล้านบาท รับอานิสงส์มาตรการควมคุมสินเชื่อของธปท. เร่งการตัดสินใจซื้อ-โอนบ้าน มั่นใจรายได้ปีนี้ 6,200 ล้านบาท

          นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2561 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/2561 มีโครงการเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,483.29 ล้านบาท ประกอบกับมาตรการควมคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะประกาศใช้ในเดือนเมษายน 2562 จะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ของผู้บริโภคให้เร็วขึ้น

          สำหรับโครงการที่เสร็จใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2561 ได้แก่ 1. โครงการ นิช ไอดี พระราม 2 เฟส 3 มูลค่าโครงการ 614 ล้านบาท, 2. โครงการ นิช ไอดี เสรีไทย เฟส 2 มูลค่าโครงการ 689 ล้านบาท, 3. โครงการ เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน-คูคต มูลค่าโครงการ 487 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ย. และ 4. โครงการ นิช ไอดี บางแค มูลค่าโครงการ 691 ล้านบาท เริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

          โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 9,100 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) จะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 4/2561 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ในมือมูลค่ารวมกว่า 4,153 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบประมาณ 500 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3,600 ล้านบาท ระดับราคาขายตั้งแต่ 1.3-12 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ทันทีหลังการขาย

          “มาตรการควบคุมสินเชื่อของธปท. จะช่วยลดนักลงทุนซื้อที่เป็นความต้องการเทียมได้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์แข็งแรงขึ้น และจะช่วยลดยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทเราด้วย ซึ่งปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่อของเราคงที่ระดับ 14% มา 2 ปีแล้ว แต่เราเชื่อว่าในปีหน้าจะลดลง เพราะมาตรการดังกล่าวช่วยกรองลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริง” นางสาวอธิกา กล่าว

          ทั้งนี้ บริษัทยังคงมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 6,200 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย จำนวน 5,200 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ประมาณ 600 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโซลาร์ ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งทุกธุรกิจในพอร์ตมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

          ขณะที่ยอดขาย (Presale) ล่าสุด (ม.ค.-พ.ย.) อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท มาจากการเปิดขายโครงการใหม่ และขายโครงการเดิมที่มีในมือ ซึ่งในปีนี้ยังคงมั่นใจยอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,300 ล้านบาท แม้จะมีการเปิดตัวโครงการได้จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่เอื้อต่อการเปิดขายโครงการใหม่ จากแผนเดิมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000 ล้านบาท

          นางสาวอธิกา กล่าวอีกว่า ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 1,000 ล้านบาท จำนวนรวมไม่เกิน 1,000,000 หน่วย อายุ 3 ปี 2 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับ 4.60% เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และเพื่อคุมต้นทุนอัตราดอกเบี้ยในปี 2562 ที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้น โดยแต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและจะเริ่มเปิดจองซื้อในวันที่ 11-13 ธ.ค.นี้

          สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า (ปี 2562) เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขายเติบโตขึ้นอย่างน้อย 10% จากปีนี้ และจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 13-14 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่ง 7 โครงการใหม่ในปีหน้าจะเป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดมาจากปี 2561 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ และเป็นโครงการแนวราบจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ