พิษสินเชื่อ แอลพีเอ็น หันรุกบ้าน3ล้าน
Loading

พิษสินเชื่อ แอลพีเอ็น หันรุกบ้าน3ล้าน

วันที่ : 25 กันยายน 2561
พิษสินเชื่อ แอลพีเอ็น หันรุกบ้าน3ล้าน

"แอลพีเอ็น"เจอพิษแบงก์เข้มสินเชื่อ กดยอดซื้อตลาดล่างยังทรงตัว สต็อกล้น หวังสัญญาณเลือกตั้งดันเชื่อมั่นฟื้น กำลังซื้อกลับคืนไตรมาส 4 จนถึงปี 62 เบนเข็ม เจาะตลาดกลางถึงบน 3 ล้านขึ้นไป พร้อมรุกแนวราบ

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ว่า ยังทรงตัวเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวเฉพาะกลุ่มคนระดับบน แต่ ยังไม่ขยายมาถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับล่างราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้สต็อกในตลาดยังล้นอยู่จำนวนมาก บวกกับปัจจุบันธนาคารเริ่มคุมเข้มเรื่องการปล่อยสินเชื่อ บางรายได้รับสินเชื่อสัดส่วนต่ำกว่า 80% ของ ราคาที่อยู่อาศัย ขณะที่ยอดการปฏิเสธสินเชื่อยังสูง สัดส่วน 25-30% ส่งผลทำให้ลูกค้าไม่สามารถซื้อที่พักอาศัยได้ เพราะมีข้อจำกัดด้านรายได้และการผ่อนชำระ

"ในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงที่แย่ที่สุดยอดขายตลาดรวมลดลง 10-20% เพราะมีซัพพลายในตลาดจำนวนมาก ทำให้มีคอนโดมิเนียมหลายแห่งเริ่มจัดแคมเปญนำโครงการจำนวนมากออกมาจัดโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขาย รวมถึงเป็นช่วงโลว์ซีซั่น สำหรับแอล.พี.เอ็น.ก็เช่นเดียวกัน ยอดจอง จำนวนมาก แต่ยอดโอนน้อย เพราะธนาคารปฏิเสธสินเชื่อ"

เขายังคาดการณ์ว่า ทิศทางจะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 หลังจากเริ่มกำหนดช่วง วันเลือกตั้งชัดเจน ทำให้ความเชื่อมั่นของ นักลงทุนกลับมาดีขึ้น และคาดว่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ที่จะเศรษฐกิจเริ่มขาขึ้นชัดเจนในปี 2562

นายโอภาส ยังกล่าวถึงทิศทางการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯในช่วงท้ายปี 2561 ว่าหลังจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่อยู่ระดับกลางถึงระดับล่างกำลังซื้อลดลง จึงส่งผลทำให้ตลาดโครงการแนวสูง(คอนโด)ทรงตัว สวนทางกับโครงการแนวราบ(บ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮาส์) มีทิศทางดีขึ้น ธุรกิจจึงต้องเน้นการรุกไปตลาดระดับกลางถึงบน ราคาที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป และแนวราบมากขึ้น เพราะตลาดตอบรับดี และยังมีความต้องการสูง โดยมีแผนจะเปิดตัว โครงการในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนสิ้นปี 6 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ คือ พระราม 2 ท่าข้าม, สุขุมวิท 113 และอ่อนนุช 44 ส่วนคอนโดมิเนียมเปิดตัวอีก 3 แห่งคือ นราธิวาส-รัชดา, สุขุมวิท62, และงามวงศ์วาน สำหรับแผนการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจอสังหาฯ แอล.พี.เอ็น. มุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์ที่ตอบโจทย์กลุ่มตลาดล่างและราคาถูกคนไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยแท้จริง แต่อุปสรรคคือ ราคาที่ดินที่สูงมากขึ้น และต้นทุนที่สูงมากขึ้นจึงต้องพัฒนาตลาดไปสู่นิชมาร์เก็ต โดยออกแบบตามพื้นที่ และการตกแต่งโครงการให้สอดคล้องกับย่านของผู้พักอาศัยเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดการพัฒนาแบรนด์"เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน" เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและคนรุ่นใหม่  ที่สามารถขายหมดภายใน 2 ชั่วโมง

กลุ่มธุรกิจยังได้ขยายธุรกิจไปสู่การ พัฒนาอสังหาฯด้านอื่นๆ เพื่อเป็นรายได้ประจำในอนาคต เช่น สำนักงานให้เช่าที่ ถนน วิภาวดีรังสิต จำนวน 2.5 หมื่นยูนิต โดย แบ่งขาย 1 หมื่นยูนิตซึ่งภายในโครงการมีการพัฒนา Co-working space ร่วมกับแบรนด์ต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงการมาสู่ การเช่า เช่น โครงการ ทาวน์ชิป รังสิต ที่มีกว่า 10,000 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เจาะ กลุ่มตลาดระดับแมส ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่ต้องใช้เวลาในการปิดโครงการ จึงต้องหาทางออกโดยการแบ่งเช่า ซึ่งทำไปแล้ว 3 ตึก  จาก 16 ตึกที่เหลือในราคา 5,000 บาทต่อเดือน

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ