โฟรวิงส์กรุ๊ปรุ่น 3 รับไม้ต่อรุกอสังหาหรู
Loading

โฟรวิงส์กรุ๊ปรุ่น 3 รับไม้ต่อรุกอสังหาหรู

วันที่ : 30 สิงหาคม 2561
โฟรวิงส์กรุ๊ปรุ่น 3 รับไม้ต่อรุกอสังหาหรู

อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

โฟรวิงส์รุ่น3บุกอสังหาหรู

ทายาทโฟรวิงส์กรุ๊ปรุ่น 3 งัดแลนด์แบงก์ผุดโมเดลมิกซ์ยูส เปิดพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการทั้งอสังหาฯ เพื่อขายและเช่า

ถือว่าเป็นผู้คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 60 ปี สำหรับโฟรวิงส์กรุ๊ป ที่เริ่มต้นจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างจนมาสู่การเป็น ดีเวลลอปเปอร์ ปัจจุบันส่งไม้ต่อสู่ทายาทรุ่นที่ 3 โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีผลงาน สำหรับอสังหาฯ เพื่อขายและสร้างรายได้ระยะยาวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมแกรนด์โฟรวิงส์ คอนเวนชั่น ศรีนครินทร์ โรงแรมโฟรวิงส์ สุขุมวิท 26 และโครงการคอนโด เดอะ โฟรวิงส์ เรสซิเดนซ์ ศรีนครินทร์

สำหรับบริษัท บอสตัน เอเวนิว (1987) เป็นบริษัทในเครือโฟรวิงส์กรุ๊ปจากจำนวนกว่า 10 บริษัทที่จัดตั้งขึ้น เพื่อพัฒนาโครงการเดอะ พาร์ค เอเวนิว ไพรเวท รวมทั้งพัฒนาโครงการจากแลนด์แบงก์และการซื้อ-ขายที่ดิน

บุญฤทธิ์ จิระพจชพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บอสตัน เอเวนิว (1987) เปิดเผยว่า โครงการ เดอะ พาร์ค เอเวนิว ไพรเวท เป็นโมเดลมิกซ์ยูสนำร่องที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและมีคอมมูนิตี้มอลล์ มูลค่ารวมราว 1,500 ล้านบาท ภายในโครงการเพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่างนอกเหนือจากรูปแบบบ้าน ทำเลที่ตั้ง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าสินทรัพย์ที่สามารถเติบโตและสืบทอดต่อให้ลูกหลานได้ในอนาคต

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ในบริเวณย่านกรุงเทพกรีฑาราว 80 ไร่ เมื่อมีการตัดถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) ผ่านพื้นที่ทำให้ที่ดินแบ่งเป็น 20 ไร่ และ 50 ไร่ ซึ่งเห็นว่าโครงการถนนมาแน่นอน บริษัทจึงได้ทำการศึกษาถึงรูปแบบการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองกำหนดเป็นพื้นที่สีเหลือง

ขณะที่ราคาที่ดินมีการปรับขึ้น ต่อเนื่องโดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ย่านนี้ได้ปรับขึ้นมากกว่า 50-100% ปัจจุบันราคาที่ดินอยู่ที่ 1-1.2 แสนบาท/ตารางวา (ตร.ว.) จากเดิมอยู่ที่ราว 6 หมื่นกว่าบาท/ตร.ว. ดังนั้นการพัฒนาจึงต้องเป็นโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม โดยซัพพลายระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไปในโซนนี้มีอยู่ไม่ถึง 200 ยูนิต

อย่างไรก็ดี ด้วยศักยภาพทำเลบริษัทจึงนำที่ดิน 20 ไร่ที่ติดสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา จึงพัฒนาบ้านเดี่ยว 3-4 ชั้น ระดับลักซ์ชัวรี่ เดอะ พาร์ค เอเวนิว ไพรเวท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ภายใต้แนวคิด The Modern Luxury Tropical Style ด้วย รูปแบบ Modernized Living ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการคัดสรรวัสดุที่เหมาะสมเพื่อการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น ตอบรับการใช้ชีวิตของครอบครัวสมัยใหม่ มีจำนวนเพียง 36 หลัง มีแบบบ้าน 3 ขนาด ที่ดินเริ่มต้น 64.7 ตร.ว.ขึ้นไป เนื้อที่ใช้สอยเริ่มต้น 354 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายเริ่มต้น 27 ล้านบาท

ปัจจุบันมียอดขายได้แล้ว 15 หลัง โดยบริษัทเตรียมปรับราคาเฉลี่ยอีก 5% ในเดือน ก.ย.นี้ คาดสิ้นปีนี้จะปิดการขายได้ 80% ทั้งโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในปลายปี 2561 และยังมีที่ดินเหลืออีกประมาณ 7 ไร่ ที่เตรียมจะพัฒนาในเฟสถัดไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบโครงการ

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการในพื้นที่ 50 ไร่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงเรียนนานาชาติจากอังกฤษ โดยจะได้ความชัดเจนในปีนี้ หากบรรลุข้อตกลงจะมีการจัดสรรที่ดินให้ทางโรงแรมพัฒนาราว 20 ไร่ ส่วนอีก 30 ไร่บริษัทมีแผนพัฒนาอสังหาฯ เพื่อรองรับ โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ มูลค่าการลงทุนราว 1,000 ล้านบาท/โครงการ ในปีหน้า

ขณะที่บริษัทยังมีที่ดินย่านพระราม 9 อีกกว่า 50 ไร่ ซึ่งที่ดินทั้งสองแปลงทางบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อมาพัฒนาโครงการร่วมกัน อีกทั้งยังมีที่ดินที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงรายอีกราวกว่า 100 ไร่ ซึ่งจากนี้หากเป็นพื้นที่แปลงใหญ่บริษัทจะหาพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการ โดยรูปแบบคือให้เช่าที่ดินระยะยาวหรือขายที่ดินเพื่อพัฒนา อย่างไรก็ดีบริษัทยังเน้นการสร้างรายได้จากอสังหาฯ เพื่อเช่าราว 80% และอสังหาฯ เพื่อขายราว 20% โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจเครือ โฟรวิงส์กรุ๊ปที่ 2,500 ล้านบาท

ในส่วนของเดอะพาร์ค คอมมูนิตี้ มอลล์ และดับเบิ้ลยูฟิตเนส ซึ่งเป็นสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ขนาดเนื้อที่รวมกว่า 6,000 ตร.ม. ใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่เต็ม 100% โดยบริษัทมีรายได้จากพื้นที่เช่ากว่า 1 ล้านบาท/เดือน และรายได้จากสปอร์ตคอมเพล็กซ์ราว 2-3 ล้านบาท/เดือน โดยลูกบ้านของโครงการจะได้สิทธิเมมเบอร์ 3 ปีแรกฟรี รวมถึงส่วนลดจากร้านค้าภายในคอมมูนิตี้มอลล์ตั้งแต่ 10-50%

ด้านธุรกิจโรงแรมนั้น ปัจจุบันมีจำนวนห้องพักประมาณ 800 ห้อง จาก 2 โรงแรม ซึ่งมีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ย 80-95% โดยบริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมทั้งธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่แผนปี 2562 เตรียมปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อปรับห้องให้มีขนาดเล็กลงเหลือ 45-80 ตร.ม. จากเดิม 100-200 ตร.ม. เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เช่าเป็นรายปี โดยจะเริ่มที่โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในสุขุมวิทซอย 3 ใช้งบราว 100  ล้านบาทก่อน จากนั้นจะดำเนินการที่โครงการที่สุขุมวิท 39 ต่อไป

"มองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ ฟื้นตัวเต็ม 100% ซึ่งการที่บริษัทเน้นพัฒนาโครงการระดับบนเนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีกำลังซื้อ มีรายได้ที่แน่นอน และไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ผันผวน ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้พร้อมจ่ายหากโครงการมีคุณภาพและคอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการที่ชัดเจน" บุญฤทธิ์ กล่าว

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ