ตลาดอสังหาฯปีนี้โตกว่าปีก่อน คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศพุ่ง 8-10%
Loading

ตลาดอสังหาฯปีนี้โตกว่าปีก่อน คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศพุ่ง 8-10%

วันที่ : 30 สิงหาคม 2561
ตลาดอสังหาฯปีนี้โตกว่าปีก่อน คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศพุ่ง 8-10%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ประเมินปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โตกว่าปีก่อน คาดมียอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ 340,448 ยูนิต โต 8-10% รับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งจำนวนยูนิตที่โอนกรรมสิทธิ์, มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ และมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ จากความต้องการและสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น

โดยคาดจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปีนี้จะอยู่ที่ 340,448 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8-10% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วจำนวน 173,664 ยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น จากโครงการแนวราบ 65% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 35%

ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปีนี้ คาดจะอยู่ที่ 719,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์แล้วจำนวน 389,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในปีนี้จะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศจำนวน 692,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% จากปีก่อน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลใหม่ทั่วประเทศแล้วจำนวน 325,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดปีนี้จะอยู่ที่ 178,448 ยูนิต เพิ่มขึ้น 9.2% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วจำนวน 91,966 ยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น จากโครงการแนวราบ 51% ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.9 ล้านบาทต่อยูนิต และจากโครงการคอนโดมิเนียม 49% ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7 ล้านบาทต่อยูนิต

ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปีนี้จะอยู่ที่ 459,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์แล้วรวม 256,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลปีนี้จะอยู่ที่ 367,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลแล้วจำนวน 173,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลแล้ว จำนวน 147 โครงการ ลดลง 32.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนหน่วย 40,526 ยูนิต ลดลง 44.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการมีการปรับตัวการเปิดขายโครงการใหม่ ๆ และในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล แล้วจำนวน 80 โครงการ

ปัจจุบันสินค้าในตลาดยังไม่ถึงขั้นที่น่ากังวลว่าจะล้นตลาด ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีจำนวนเปิดโครงการใหม่ลดลง 32.9% และจำนวนยูนิตลดลง 44.9% สะท้อนว่าผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับตัว โดยอัตราการดูดซับสินค้าพร้อมขาย (สต๊อก) รวมอยู่ที่ระดับ 4.5% ต่อเดือน ซึ่งถือว่าทรงตัวจากปีก่อน แบ่งเป็น โครงการแนวราบมีอัตราการดูดซับประมาณ 3.6% ต่อเดือน และโครงการคอนโดมิเนียมมีอัตราดูดซับประมาณ 5.3% ต่อเดือนนายวิชัย กล่าว

ด้านตลาดต่างจังหวัด คาดจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในเขตภูมิภาคปีนี้จะอยู่ที่ 162,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วจำนวน 81,698 ยูนิต เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น จากโครงการแนวราบ 77% ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อยูนิต และจากโครงการคอนโดมิเนียม 23% ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 ล้านบาทต่อยูนิต

โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในภูมิภาคปีนี้จะอยู่ที่ 259,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์แล้วรวม 132,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ในเขตภูมิภาคปีนี้จะอยู่ที่ 325,475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลแล้วจำนวน 152,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558-2560) มีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้วจำนวน 140-180 โครงการ รวมจำนวน 180,000 ยูนิต มีอัตราการดูดซับสินค้าประมาณ 80% มีสินค้าเหลือในตลาดประมาณ 50,000 ยูนิต คิดเป็นประมาณ 20% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และในปี 2561 คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการประมาณ 130-140 โครงการ แบ่งเป็น โครงการในเขตจังหวัดชลบุรีจำนวน 100 โครงการ, โครงการในเขตจังหวัดระยองจำนวน 30-40 โครงการ และโครงการในเขตจังหวัดฉะเชิงเทราจำนวน 5-6 โครงการ ซึ่งในช่วง 4 ปี (ปี 2558-2561) ราคาที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัดดังกล่าวมีการปรับเพิ่มขึ้น 8.9% โดยในจังหวัดชลบุรีมีการปรับเพิ่มขึ้นมากสุดที่ระดับ 10%

สำหรับปัจจัยการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อผู้ซื้อ เนื่องจากคาดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในช่วงไตรมาส 4/2561 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ยังน้อยไม่กระทบกำลังซื้อ ส่วนกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย รัฐมีมาตรการมาช่วยหนุน โดยการออกโครงการบ้านล้านหลัง ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนสินเชื่อกับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยในสินค้าราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อยูนิต คาดว่าจะเริ่มเปิดจองช่วงไตรมาส 4/2561

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ