นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการบริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่มักกะสันเพื่อรองรับการลงทุนมูลค่านับแสนล้านบาท ว่า อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อสรุปแผนพัฒนาพื้นที่แปลงเอราว 140 ไร่ซึ่งต้องยกที่ดินให้เอกชน 100 ไร่ เข้าพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) อีก 40 ไร่พื้นที่พ่วงรางสู่ศูนย์ซ่อมรฟท.จะรับผิดชอบตามเดิมส่วนแผนการย้ายบ้านพักพนักงานและโรงซ่อมบำรุง ได้เตรียมพื้นที่ 2 แปลงใหญ่กว่า 100 ไร่ไว้รองรับพื้นที่บริเวณ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กับพื้นที่บริเวณ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่รูปแบบธุรกิจการเดินรถในอนาคต รฟท.จะแบ่งศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟดีเซลกับศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าให้ตั้งอยู่คนละที่กัน เอื้อต่อการพัฒนาย่านศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรด้านรถไฟฟ้าและรถไฟดีเซล รองรับโครงการรถไฟสายใหม่ในอนาคตทั้งรถไฟทางคู่รถไฟขนส่งสินค้า รถไฟฟ้าชานเมืองและรถไฟความเร็วสูง

นายประเสริฐศึก สายพวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญสมาคมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในฐานะประธานโครงการศึกษาแผนพัฒนาที่ดินมักกะสันเปิดเผยว่า ตามเงื่อนไขการเปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่มักกะสันระบุว่า เอกชนที่จะเข้าประมูลโครงการต้องจ่ายเงินให้ รฟท.ราว 3 พันล้านบาทเป็นค่ารื้อย้ายบ้านพักพนักงานและโรงซ่อมบำรุงเดิม รวมถึงค่าก่อสร้างที่พักอาศัยแห่งใหม่ให้พนักงานโดยใช้ที่ดินของรฟท. รูปแบบการย้ายขึ้นอยู่กับนโยบายและการตัดสินใจของเอกชนว่าจะรื้อย้ายทันทีหรือทยอยย้ายบางส่วนไปก่อน ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าว 800 ครอบครัว ดังนั้นต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบว่าพื้นที่ใหม่จำเป็นต้องมีโรงพยาบาลและโรงเรียนรองรับหรือไม่ตามเงื่อนไขของกฎหมายที่ได้ระบุไว้

ทั้งนี้โครงการพัฒนาบริเวณพื้นที่ย่านมักกะสัน มีพื้นที่ 508.92 ไร่ แบ่งเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โซนเอ 139.82 ไร่ (ยกให้เอกชนผู้บริหารรถไฟความเร็วสูงอีอีซี) โซนบี 179.02 ไร่ เป็นส่วนธุรกิจการค้า อาทิ สถานีเชื่อมสู่ท่าอากาศยาน, โรงแรม,ร้านค้าปลอดภาษี, ศูนย์ประชุมสัมมนา, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว,อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้าและอาคารที่จอดรถ โซนซี 151.40 ไร่ ส่วนพิพิธภัณฑ์ รฟท. อาทิ พิพิธภัณฑ์ รฟท., ที่ทำส่วนราชการและโรงแรมและโซนดี 38.68 ไร่ ส่วนที่อยู่และสาธารณสุข อาทิ โรงพยาบาลระดับนานาชาติ, โรงเรียนนานาชาติ, เวิลด์คิทเช่นมาร์ท, ศูนย์แสดงสินค้าและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์