รัฐอีอีซีเตรียมหาพื้นที่รับเอ็กซอนโมบิลตั้งโรงกลั่น เชื่ออานิสงส์ทำธุรกิจปิโตรฯ ขยายตัว หวังไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาค

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งหาพื้นที่แปลงใหญ่ขนาด 600-800 ไร่ ตามที่บริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น ต้องการ เพื่อลงทุนขยายโรงกลั่นและโรงแยกปิโตรเคมี มูลค่า 2 แสนล้านบาท ตามที่ได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไว้

"ขณะนี้ก็ยอมรับว่ายังหาพื้นที่ให้กับกลุ่มเอ็กซอนไม่ได้ เพราะว่ารับทราบความเคลื่อนไหวเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยืนยันว่าจะหาให้โดยเร็วที่สุด โดยขณะนี้ก็ยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่บ้าง" นายคณิศ กล่าว

นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีเอกชนผู้พัฒนาที่ดินและทำนิคมอุตสาหกรรมหลายรายในพื้นที่ อีอีซี 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่มีความสนใจอยากจะทำเขตส่งเสริมพิเศษภายใต้โครงการอีอีซี ดังนั้นอาจจะเป็นโอกาสในการให้ทั้งผู้พัฒนา นิคมฯ และผู้ประกอบการได้หารือกัน

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านพลังงาน กล่าวว่า การลงทุนของ เอ็กซอนในอีอีซีเพื่อเป็นฐานในการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอินโดจีน โดยเฉพาะจีนตอนใต้และประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าเมื่อมีการลงทุนโรงกลั่นขนาดใหญ่ในอีอีซีจะส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับปิโตรเคมีเติบโตตามไปด้วย และไทยจะสามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของภูมิภาคได้อย่างแน่นอน

"หากไทยไม่สามารถหาพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้ เขาก็อาจจะมองหาประเทศอื่นที่มีโอกาสต่อไป เช่น สิงคโปร์และเวียดนาม โดยสิงคโปร์อาจจะพื้นที่เต็มแล้วแต่เวียดนามน่าจะยังมีโอกาส แต่หากเปรียบเทียบกับศักยภาพเชิงพื้นที่ถือว่าไทยก็ยังมีความ ได้เปรียบมากที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค" นายมนูญ กล่าว