คอลัมน์ อีโคโฟกัส: ปี61เศรษฐกิจฟื้น อสังหาฯโต-ทำเลรถไฟฟ้าบูม
Loading

คอลัมน์ อีโคโฟกัส: ปี61เศรษฐกิจฟื้น อสังหาฯโต-ทำเลรถไฟฟ้าบูม

วันที่ : 6 พฤศจิกายน 2560
คอลัมน์ อีโคโฟกัส: ปี61เศรษฐกิจฟื้น อสังหาฯโต-ทำเลรถไฟฟ้าบูม

ใกล้หมดปี 2560 ไปทุกขณะ ถ้าถามถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศนับว่ามีการกระเตื้อง หรือเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ซึ่งจะเห็นได้จากภาคการส่งออกที่เติบโต จนขยายตัวในแบบที่ไม่คาดคิด และยังไม่นับรวมภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มดีต่อไปเรื่อยๆ เป็นที่แน่นอนว่า สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการในทุกธุรกิจได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในช่วงต้นปี ดูเหมือนจะค่อนข้างเงียบเหงาไปสักนิด จากหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน ซึ่งจากผลสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัวของจำนวนยูนิตทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ แต่ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่มีจำนวนและมูลค่า รวมถึงราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น กลุ่มผู้ซื้อที่มีรายได้น้อยมีศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับต่ำ

แต่พอผ่านพ้นในครึ่งปีแรก ก็เริ่มเห็นผู้ประกอบการมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในยุคปัจจุบันที่นับวันจะทวีจำนวนมากขึ้นราวกับดอกเห็ด การปักหมุดของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กับโครงการใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่อาศัยแนวตั้งอย่างคอนโดมิเนียม ที่เรามักจะได้เห็นจนชินตาเสมือนทิวทัศน์ที่เป็นส่วนประกอบไปตลอดตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทุกสาย ชนิดที่เรียกได้ว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นขนาบสองข้างทาง

สำหรับปัจจัยที่น่าจะหนุนนำส่งเสริมให้แวดวงของอสังหาริมทรัพย์ไทยมีทิศทางที่น่าจะมองหาความสดใสเจอนั้น น่าจะมาจากโครงการลงทุนด้านคมนาคมของรัฐบาลในปี 2560 ที่มีมากถึง 43 โครงการ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.77 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในแผนการลงทุนเดิมปี 2560 จำนวน 36 โครงการ ด้วยงบประมาณ 8.96 แสนล้าน และโครงการที่ขยายระยะเวลาจากปี 2559 อีก 7 โครงการ งบประมาณ 8.74 แสนล้านบาท

ดังนั้น หลังจากประกาศเส้นทางการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อยๆ เปิดตัวโครงการใหม่ขนาบเส้นทางรถไฟฟ้าไม่ว่าจะสายใดก็ตาม ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นตัวกำหนดเทรนด์ของการอยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ต้องการความคล่องตัวมากขึ้นในการเดินทาง และเทรนด์นี้เองที่เป็นเสมือนแรงกระเพื่อมที่ทำให้บรรดาผู้ประกอบ การอสังหาฯ เบนเข็มมาเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวตั้งกันมากขึ้น

แม้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยบวกที่น่าจะทำให้ตลาดนี้เติบโตได้อย่างสวยงาม แต่ยังมีปัจจัยด้านลบที่ต้องขบคิดและพิจารณาด้วย ทั้งในแง่ของซัพพลายที่นับวันจะทวีมากขึ้นจนล้นตลาด ซึ่งตัวซัพพลายที่มากขึ้นนั้นน่าจะส่งผลต่อนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไร เพราะเมื่อซัพพลายมีมากขึ้น น่าจะเป็นการยากที่จะปรับราคาขึ้น หรือน่าจะทำให้ขายได้ยากขึ้น

สำหรับความคิดเห็นจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2560 นี้ มีมุมมองที่น่าติดตาม เริ่มกันที่ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) โดย นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังปี 2558 คาดว่าจะมีการแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าระดับบน เนื่องจากกำลังซื้อยังมีอยู่และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังสามารถเติบโตได้ในทิศทางที่ดี

"ช่วงปลายปีนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นเปิดโครงการมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเริ่มเตรียมทำแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นอกจากนี้เราจะเห็นผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าและมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม สำหรับในช่วงสองเดือนสุดท้ายนี้ เชื่อว่าจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะมาช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งการเปิดโครงการจำเป็นต้องมีการทำการตลาดก่อนล่วงหน้า 2 เดือน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมอาจจะไม่เห็นการเปิดตัวโครงการ ในส่วนของโครงการแนวราบมองว่าน่าจะยังมีการเปิดตัวโครงการใหม่ให้ได้เห็นกัน" นางสาวเกษรา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีจะเห็นผู้ประกอบการทำการตลาดมากกว่าการเปิดตัวโครงการ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของแต่ละบริษัทให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 เชื่อว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม โดยจะเห็นมีการพัฒนาโครงการที่จะนำเอาความแปลกใหม่ในแบบ 2 มิติ เข้ามาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโครงการ ซึ่งมิติแรกจะเห็นการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ ทำให้เกิดความแปลกใหม่ ซึ่งในปีนี้ก็เห็นผู้ประกอบการหลายเจ้านำเทคโนโลยีมาเป็นจุดขายกันเยอะ และในปีหน้าก็เชื่อว่าจะมีนำมาใช้เพื่อเป็นจุดเด่นของแต่ละโครงการเช่นกัน เป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มที่ใหม่และมีแต่จะใหม่ขึ้นเรื่อยๆ

และมิติที่สอง จะเป็นเทรนด์การนำนวัตกรรมต่างประเทศเข้ามาใช้ การร่วมทุนกับต่างชาติ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่มีการร่วมทุนกับต่างชาติประมาณ 7 บริษัท โดยประเทศที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความทันสมัย มีดีไซน์ที่ดี ปัจจัยในปีหน้าที่ต้องระวังคือ กำลังซื้อ ต้นทุนการก่อสร้าง ราคาที่ดิน สภาวะการแข่งขันที่สูง ที่ทำให้เกิดความเปราะบางทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ประกอบการ ส่วนทำเลเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ยังคงเชื่อว่าจะเป็นทำเลที่เกาะแนวรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายหลายๆ โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ทางด้าน นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ระบุว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ยังมีทิศทางเติบโตขึ้นจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าในปีนี้จะขยายตัวถึง 3.3-3.4% ส่งผลให้ปีหน้าแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหนี้ภาคครัวเรือนมีทิศทางปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกให้กลุ่มลูกค้ามีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย

"ในปีหน้าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ที่จะช่วยผลักดันให้ภาคอสังหาฯ เติบโตตามไปด้วย รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนในกลุ่มของลูกค้าระดับกลาง ระดับล่าง ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยเสริมให้ปีหน้าเกิดกำลังการซื้อที่อยู่อาศัย และเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น" นายสงกรานต์กล่าว

ในส่วนของภาพรวมการตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่การดำเนินธุรกิจอาจจะต้องเหนื่อยกันมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ สถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ในขณะที่ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า เชื่อว่ามีจะทิศทางที่ดี อันเนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปีที่กลุ่มธุรกิจมีความคาดหวังในเรื่องโบนัสประจำปี ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อการตัดสินใจจองหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี อีกทั้งหลังจากผ่านช่วงโศกเศร้าของคนทั้งประเทศ น่าจะทำให้ภาพรวมบรรยากาศเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อเพิ่มมากขึ้น

"ในส่วนการคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นค่อนข้างชัดเจน อันเนื่องมาจากปัจจัยบวกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนในเรื่องการเมือง หลังจากที่รัฐบาลประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง ประกอบกับปัจจัยเศรษฐกิจในเชิงบวก จากการส่งออกของประเทศที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู ซึ่งถึงแม้จะมีปัจจัยความกังวลในเรื่องซัพพลายของอสังหาริมทรัพย์ในบางทำเล เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง แต่มองว่าภาพรวมที่ดีในหลายประการดังกล่าว จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าดีขึ้นได้" นายกรมเชษฐ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจ และแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 จะเป็นเช่นไร เราต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง ถ้าปีนี้ดี ปีหน้าก็ต้องดีด้วยเช่นกัน!!!.

"ในปีหน้าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ที่จะช่วยผลักดันให้ภาคอสังหาฯเติบโตตามไปด้วย รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนในกลุ่มของลูกค้าระดับกลาง ระดับล่าง ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงจะเป็นปัจจัยเสริมให้ปีหน้าเกิดกำลังการซื้อที่อยู่อาศัย และเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น"

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ