วัสดุฯ-เฟอร์นิเจอร์ปรับตัว เจาะตลาดใหม่หลังอสังหาฯซึม
Loading

วัสดุฯ-เฟอร์นิเจอร์ปรับตัว เจาะตลาดใหม่หลังอสังหาฯซึม

วันที่ : 4 พฤษภาคม 2560
วัสดุฯ-เฟอร์นิเจอร์ปรับตัว เจาะตลาดใหม่หลังอสังหาฯซึม

นนทศร ชัยยิ่งยง

งาน "สถาปนิก 60" ที่จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดฉาก แล้ว ซึ่งงานครั้งที่ 31 จะมีถึงวันที่ 7 พ.ค.นี้ ที่ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซึ่งงานนี้เป็นเวทีที่บรรดาผู้ประกอบการอสังหา และสินค้าที่เกี่ยวข้องต่างพยายามหา ช่องทางการตลาด รับมือกับภาวะตลาด ที่ไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา 'โมเดอร์นฟอร์มฯ'รุกงานเฮลท์แคร์

ทักษะ บุษยโภคะ  ประธานกรรมการ บริหารบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งอาคารสำนักงานเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

แต่ตลาดที่เจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยยังไม่ค่อย ดีนัก ทำให้บริษัทตัดสินใจปรับแผนธุรกิจ และหันมาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล และตลาดท่องเที่ยวอย่างจริงจังมากขึ้น โดยขยายตลาดผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท โมเดอร์น ฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 95% และที่เหลืออีก 5% ถือหุ้นโดยผู้บริหาร ทั้งนี้ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจจากซื้อมาขายไป กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ สู่การรับงานบริการติดตั้ง ทำผนังห้อง ออกแบบการจัดวางอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในห้องตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งจากการเริ่มต้นในปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 9% ส่วนปีนี้หลังจากเน้น มากขึ้น คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 15%

"เราวางตำแหน่งโมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ เป็นวันสต็อป เซอร์วิส โซลูชั่นส์ ตั้งแต่ออกแบบจนถึงงานก่อสร้างตกแต่งให้กับกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล เริ่มให้บริการลูกค้าเช่น รพ.สมิติเวช รพ.สุขุมวิท รพ.วชิระภูเก็ต ซึ่งมองว่าธุรกิจบริการนี้น่าสนใจ ปัจจุบันยังมีจำนวนโรงพยาบาลเข้ามาใช้บริการค่อนข้างน้อย แต่อนาคตจะมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากตามเทรนด์สุขภาพ ปีนี้คาดว่าจะมีกว่า 10 ราย"

ด้านภาพรวมปีนี้  โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้รวม 3,300 ล้านบาท สูงกว่า ปีที่แล้ว แบ่งเป็นรายได้จากเฟอร์นิเจอร์ 80% และอุปกรณ์ตกแต่งอีก 20% "ยิปรอค"เจาะเจ้าของบ้าน-ช่างซ่อม

สหัทยา ทองปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ผลิตและจำหน่ายยิปซัม "ยิปรอค" และบริการโซลูชั่นส์ระบบผนังฝ้า ครบวงจร กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยิปซัม มีมูลค่าเกือบๆ 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่ง 30% อย่างไรก็ตามช่วงนี้บริษัทจะปรับแผนตลาด โดยครึ่งปีหลังจะเน้นเปิดตัวสินค้านวัตกรรมและสร้างการรับรู้แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านมากขึ้น จากเดิมที่ทำตลาดผ่านกลุ่มสถาปนิกเป็นหลัก รวมถึงขยายตลาดเข้ากลุ่มช่างซ่อมแซมมากขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมธุรกิจดีขึ้น หลังจากไตรมาสแรก ที่ผ่านมาทำได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีปัจจัยลบคือผู้พัฒนา

อสังหาฯ เปิดตัวมีโครงการใหม่ออกมาน้อยทั้งแนวราบและแนวสูง  รวมกับเศรษฐกิจที่ไม่ได้กระเตื้องมากนัก

อย่างไรก็ดี คาดว่าในปลายปีนี้จะเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของตลาด หากผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มแบ็คล็อกมากขึ้น รวมถึงระยะยาวที่จะมีเมกะโปรเจคภาครัฐ เข้ามาเสริม และปัจจัยสังคมเมืองขยายตัว "ไตรมาสแรกที่ผ่านมาการจดทะเบียน

หรือการขอใบอนุญาตก่อสร้างโครงการต่างๆ ชะลอตัว ส่งผลเกี่ยวเนื่องต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง บริษัทจึงต้องพยายามหาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาดมากขึ้น"

สหัทยากล่าวว่า สำหรับตลาดต่างประเทศ  ปัจจุบันมีกว่า 35 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เป็นต้น พบว่า มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าตลาดไทยมาก เนื่องจากยังเป็นตลาดใหม่ที่มีฐาน ตลาดต่ำ ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ตลาด

ต่างประเทศกับในประเทศอยู่ระดับ  50:50

คาดเงินสะพัดในงานหมื่นล้าน

ทางด้านันทพล จั่นเงิน ประธาน จัดงาน กล่าวว่างานปีนี้สมาคมฯ ร่วมกับบริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อให้เป็นเวทีส่งเสริมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรม รวมถึงนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรม ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมใหม่สร้างสีสัน ตลาดมากขึ้น คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท คนเข้าชมกว่า 4 แสนคน สูงกว่าปีที่แล้วที่มียอด 3 แสนคน

ปีนี้มีผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติออกบูธกว่า 850 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% โดยปีนี้มีสัดส่วนต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จาก 23% เป็น 27% ส่วนใหญ่ เป็นชาวจีนตามด้วยไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี เช็ค เป็นต้น โดยมองว่าการที่มีบริษัทจีนเข้ามามาก สะท้อนให้เห็นว่าจีนมองไทยว่ามีความพร้อมมากสุดในภูมิภาค มีสถาปนิกและผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งซื้อมาชมงานจำนวนมาก

"ส่วนเทรนด์ที่อยู่อาศัยมองว่ายังอยู่ที่ เทรนด์ที่อยู่อาศัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบโมเดิร์นเรียบง่าย และมีนวัตกรรม เข้ามาใช้ร่วมกับการก่อสร้างมากขึ้น เช่น การใช้ระบบโซลาร์เซลล์ต่างๆ"

ศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาค ใหญ่สุดในอาเซียนและอันดับ 3 ของเอเชียมีพื้นที่จัดงานประมาณ 7.5 หมื่นตร.ม. และปีนี้ยังใช้พื้นที่จัดแสดงสินค้ามากขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 93% ของพื้นที่รวม ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 89%

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ