หวั่นตลาดวาย ตายยกเข่ง

          ชาญอิสสระ-สมาคมบ้าน ห่วงตลาดอสังหาฯปีหน้า แข่งเดือดแย่งลูกค้า มาตรการแบงก์ชาติ-เศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจโลก บีบกำลังซื้อลูกค้า เสนอรัฐตีกรอบ คอนโทรลซัพพลายใหม่ต่อปี รองรับความเสี่ยง

          นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงปี 2562 ว่า คาดปีหน้า จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง การขายเพื่อแย่งลูกค้าเป็นไปอย่างดุเดือด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นความกังวลหลัก ซึ่งน่ากังวลกรณีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่มีผลพวง ลามไปกระทบหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจโลกผันผวนรวมทั้งไทยด้วย โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และการส่งออก ที่เป็นฟันเฟืองหลักของจีดีพีประเทศ ขณะนี้เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวแล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลต่อสภาพการหมุนเวียนของเงินในประเทศ ที่เคยกระจายรายได้ไปยังกลุ่มคนทุกระดับตั้งแต่บน-ล่าง

          ขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของตลาด คือ มาตรการคุมเข้มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการปล่อยสินเชื่อ ก็จะมีผลกระทบต่อโครงการที่อยู่ในระดับล่าง-กลางที่อาจจะได้รับการอนุมัติการกู้จากธนาคารที่ยากขึ้นอีก ทำให้ผู้พัฒนา ควรต้องประเมินความเสี่ยงอย่างถี่ถ้วน ก่อนพิจารณาเปิดโครงการใหม่  ไม่ใช่เร่งสร้างเพื่อแข่งขันเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนรัฐบาลเอง ควรกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ สำหรับวงการอสังหาฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตลาด ในแง่การเกิดขึ้นของ ซัพพลายใหม่ ที่ปัจจุบันซัพพลายเริ่มล้นเกินความต้องการ

          "ดีเวลอปเปอร์ ต้องประ เมิน ทั้งดีมานด์และซัพพลายในตลาด ไม่ใช่เร่งสร้างเพื่อแข่งขัน ที่ตลาดดี ก็แชร์กันไป แต่พอมีปัญหาก็ตายกันหมด รัฐเองควรกำหนดแต่ละจุด สร้างได้เท่าไหร่ ทำเหมือนยุโรป อเมริกา กำหนดสัดส่วนโครงการใหม่ในแต่ละปีแต่ละพื้นที่ ถ้าสถานการณ์น่าห่วง ก็ไปจำกัดซัพพลายที่ดินที่จะออกมา ต้องคอนโทรลซัพพลาย แข่งกันด้วยคุณภาพ ไม่ใช่เหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯตอนนี้"

          สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 6 พันล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่ และโครงการส่วนต่อขยาย ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทน์-สาทร มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท, ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท, โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลังภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท, วาเคชั่น คลับ โครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 1.5  พันล้านบาท รวมไปถึงส่วนต่อขยายของโรงแรม ศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์  มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่าอีก 200 ล้านบาท

          นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ออก มาย้ำว่าปีหน้า เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับปี 2561 อีกทั้งมาตรการ คุมวางเงินดาวน์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  การปรับอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี หลังการเลือกตั้งว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนมีผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายปัจจัยภายนอก ทั้งสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ฯลฯ ที่ผู้ประกอบการจะต้องระมัดระวัง

          เช่นเดียวกับ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าการผลักดันโครงการในอีอีซี  กระตุ้นการลงทุน แต่รัฐบาลอย่าลืมมองว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มส่ออาการไม่ดี คาดว่าจะเริ่มลุกลามในช่วงปลายปีนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรารุนแรงในหลายประเทศ เช่น ประเทศเวเนซุเอลา คือตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนดังนั้นหากไทยจะแข่งขันกับประเทศอื่น โดยเฉพาะอีอีซีจะต้องเตรียมความพร้อม ทั้งนักลงทุนและการดึงทุนจีนใหม่ๆ เข้าพื้นที่