“แสนสิริ” ปั้นโมเดล “Sansiri Green Mission” ประยุกต์แนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” วาง Green Roadmap ผลักดัน 4 คำมั่นสัญญาหลัก Waste Management , Energy Saving & Generation , Smart Move และ Sustainability ตอบโจทย์ความยั่งยืน
          
          นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของแสนสิริไม่เพียงแค่การพัฒนาหรือสร้างที่อยู่อาศัย แต่มุ่งมั่นส่งมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างตรงจุด ภายใต้แนวคิด customer-centric หรือความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและยั่งยืน โดยการให้ความสำคัญทั้งในด้านลดการใช้พลังงาน และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมโลก

          ที่ผ่านมา มีการจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) และร่วมมือกับพันธมิตรจากสถาบันและบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 20 ราย เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเริ่มนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ผ่านการทดสอบมาใช้ในโครงการนำร่องต่างๆ เช่น โครงการ Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านระบายความร้อน การพัฒนาและติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า Wind Turbine และการเปิดตัว Smart Move แพลตฟอร์มบริการเช่ารถพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เป็นต้น
          
          ทั้งนี้ ได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์กับแบรนด์ดีเอ็นเอ (DNAs) ของบริษัท โดยเน้นถึงความสำคัญของแนวทางการจัดการของเสียและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการบนหลักการ 2 ข้อใหญ่ ข้อแรก การรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุด และข้อสอง การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรการบริโภคให้น้อยที่สุด สอดรับกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 - 2564) เพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้เป็น “วาระแห่งชาติ” และร่างแผนจัดการขยะพลาสติกอย่างบูรณาการ (พ.ศ. 2560 - 2564) มาจัดทำเป็นโมเดล “แสนสิริ กรีน มิชชั่น - Sansiri Green Mission” โดยมี Green Roadmap เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกโครงการใหม่ของแสนสิริ ภายใต้ 4 คำมั่นสัญญาหลัก ได้แก่ Waste Management , Energy Saving & Generation , Smart Move และ Sustainability 
          
          สำหรับงบประมาณที่จัดเตรียมไว้ 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในระหว่างปีพ.ศ.2562 - 2564 จะใช้ในด้านพลังงานและกำจัดของเสีย โดยในส่วนของการจัดการของเสีย (Waste Management) จะมีการลดปริมาณขยะคอนกรีตจากการก่อสร้างทั้งในรูปแบบก่ออิฐฉาบปูนและพรีคาสต์ โดยนำนวัตกรรม“Earth Blox”มาใช้ด้วยการนำเศษคอนกรีตมวลเบาเหลือใช้จากการก่อสร้างกลับมาเป็นส่วนผสมในการแปรรูปเพื่อสร้างบล็อกคอนกรีตใหม่ นำกลับมาใช้ทำแผ่นทางเท้า ช่องลมระบายอากาศ และของตกแต่งภายในแลนด์สเคป นับจากนี้บริษัทฯ จะเพิ่มการก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสต์สำหรับคอนโดมิเนียมจาก 50% เป็น 80%ภายในปีพ.ศ.2564 ซึ่งจะสามารถลดขยะคอนกรีตที่เกิดจากการก่อสร้างโดยวิธีก่ออิฐฉาบปูนได้ถึง 1,600 ตันต่อปี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) ได้มากกว่า 48 ตันต่อปี เท่ากับพื้นที่สีเขียวของป่าไม้ 36 ไร่ รวมทั้งตั้งเป้าหมายในการประกาศภารกิจการลดปริมาณขยะคอนกรีตจากการก่อสร้างในโรงงานพรีคาสต์เป็น 0% หรือ Zero Waste ภายในสิ้นปีพ.ศ.2562
          
          ส่วนการกำจัดขยะจากการบริโภคของลูกบ้าน บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 600,000 บาท ติดตั้งเครื่อง Food Waste Machine จำนวน 10 เครื่อง บนพื้นที่ส่วนกลางในทุกโครงการแนวสูงที่จะพัฒนาตั้งแต่ปีพ.ศ.2562 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าหมายขยายการใช้งานใน 23 โครงการ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยในปีแรกจะแปรรูปขยะมูลฝอยได้มากถึง 18 ตันต่อปี จาก 10 โครงการ และคาดว่าเมื่อครบ 23 โครงการ จะแปรรูปขยะมูลฝอยเฉลี่ย 42 ตันต่อปี นอกจากนี้ จะติดตั้ง Refun Machine เครื่องรับคืนขวดพลาสติกและกระป๋องในทุกโครงการแนวสูง รวม 23 โครงการ ภายในปีพ.ศ.2564 และร่วมมือกับสตาร์ทอัพในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Go Greens เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะให้กับลูกบ้าน และได้สนุกกับการสะสมคะแนนเพื่อแลกของสมนาคุณต่างๆ ซึ่งเริ่มนำมาใช้แล้ว ทั้งในโครงการแนวราบที่เศรษฐสิริ จรัญฯ-ปิ่นเกล้า และโครงการแนวสูงภายในฮาบิโตะมอลล์ รวมทั้งติดตั้งเครื่อง Home bio gas นวัตกรรมเครื่องเปลี่ยนขยะมูลฝอยเป็นก๊าซหุงต้มที่โรงแรมเอสเคป เขาใหญ่ และสำนักงานใหญ่ เซลล์ ออฟฟิศ และเซลล์ แกลลอรี่ โดยตั้งเป้าหมายยกเลิกการใช้ขวดน้ำดื่มพลาสติก 100% ภายในปลายปีหน้า
          
          สำหรับการส่งเสริมการพัฒนา Energy Saving & Generation เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนให้กับโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ มีแผนติดตั้ง Solar Roof ครอบคลุม 31 โครงการ ภายในปีพ.ศ.2564 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 2 เมกกะวัตต์ เทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนถึง 1,400 ล้านเครื่อง และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2,223 ตันต่อปี หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าประมาณ 1,600 ไร่ นอกจากนี้ ยังวางแผนลดการใช้พลังงานในโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง ด้วยการใช้นวัตกรรมที่ช่วยถ่ายเทอากาศและลดอุณหภูมิในที่อยู่อาศัย ได้แก่ นวัตกรรม Cooliving Designed Home ที่ประกอบด้วย Solar Attic การใช้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อช่วยลดความร้อนใต้หลังคาทำให้อากาศภายในบ้านเย็นลง และShading Screen ระแนงกันแดดที่ออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางของบ้าน เป็นต้น 
          
          ส่วน Smart Move มีการสร้างแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะระบบเช่า พร้อมติดตั้ง Electronic car sharing และ EV Charger ครบทุกโครงการแนวสูงตั้งแต่ปีพ.ศ.2561 เป็นต้นไป ซึ่งปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 5 สถานีรวม 11 คัน และเตรียมเพิ่มอีก 4 สถานีรวม 6 คันในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 7.5 ตันต่อปี หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าประมาณ 5.7 ไร่ อีกทั้ง ยังมีพันธมิตรใหม่ e-scooter เพื่อให้บริการใน 2 โครงการสำคัญอีกด้วย 
          
          ในส่วน Sustainability คือการบริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน บริษัทฯ ร่วมกับองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น กลุ่มอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในเมือง (Big Tree) เพื่อจัดการต้นไม้ใหญ่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน โดยนำหลักสูตรรุกขกรรมมาอบรมนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโครงการ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน (Sustainability Design) เช่น ลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน ด้วยนวัตกรรม Cooliving Designed Home ในโครงการแนวราบ และนวัตกรรม Ventilation Door ในโครงการแนวสูง ปัจจุบันได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค เป็น “Green Condominium” เต็มรูปแบบโครงการแรก และจะนำแนวคิดไปต่อยอดปรับใช้กับโครงการที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตทุกโครงการ