CMCลั่นรายได้ปีหน้าโต50-60% เล็งเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 5 พันล้าน
Loading

CMCลั่นรายได้ปีหน้าโต50-60% เล็งเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 5 พันล้าน

วันที่ : 19 ธันวาคม 2561
CMC โชว์แบ็กล็อก 1,119 ล้านบาท จอบุ๊ก Q4 ปีนี้-Q1 ปีหน้า ลั่นเป้ารายได้ปี 62 ทะยาน 3,000-3,300 ล้านบาท โต 50-60% จากปี 61 คาดทำได้ 2,000 ล้านบาท เล็งเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท
          CMC โชว์แบ็กล็อก 1,119 ล้านบาท จอบุ๊ก Q4 ปีนี้-Q1 ปีหน้า ลั่นเป้ารายได้ปี 62 ทะยาน 3,000-3,300 ล้านบาท โต 50-60% จากปี 61 คาดทำได้ 2,000 ล้านบาท เล็งเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท

          นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทคาดว่าน่าจะเติบโตดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการทยอยส่งมอบโครงการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปี 2561 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

          ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,675.61 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,190.12 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 1,119 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 ถึงไตรมาส 1/2562

          สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ 3,000-3,300 ล้านบาท เติบโตประมาณ 50-60% จากปี 2561 โดยจะมาจากการส่งมอบโครงการในมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2562 มีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ ปิ่นเกล้า (Chateau In Town Pinklao) มูลค่าโครงการ 470 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้วประมาณ 30-40%

          นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2562 บริษัทคาดทาวน์เฮาส์โครงการ คาซ่า ดีว่า (Kasa Deva) เฟสใหม่ มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาทจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์โครงการได้ ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ในช่วงปลายปี อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ในมือมูลค่ารวมกว่า 3,614 ล้านบาท และจากการประเมินสต๊อกดังกล่าวคาดว่าจะสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 47%

          ขณะที่บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2562 ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมเกือบ 5,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ยังต้องรอติดตามและประเมินภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเดินหน้าดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง

          นายแพทย์วิเชียร กล่าวอีกว่า ในปี 2562 บริษัทมีแผนปรับปรุงแบรนด์สินค้าให้มีความทันสมัย เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน โดยจะเริ่มจากการปรับแบรนด์โครงการที่จะเปิดใหม่ในปี 2562 ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ประมาณช่วงไตรมาส 2/2562 และหลังจากนั้นบริษัทจะทำการขยายการรีแบรนด์ไปสู่ภาพรวมของทั้งบริษัท เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากขึ้น โดยจะรุกทำการตลาดออนไลน์ เน้นสร้างคอนเทนต์ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ เพื่อที่จะทำให้แบรนด์ของบริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

          ส่วนกรณีมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะออกมานั้น บริษัทยอมรับว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 10% ของยอดโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากลูกค้า 90% ของบริษัท เป็นลูกค้าบ้านหลังแรก แต่ 10% เป็นลูกค้าบ้านหลังที่สอง ซึ่งบริษัทจะปรับกลยุทธ์รับมือกับมาตรการดังกล่าว โดยการปรับเพิ่มเงินดาวน์ให้สูงขึ้นกับลูกค้ากลุ่มที่ซื้อบ้านหลังที่สองเป็น 20% จากเดิมที่เก็บเงินดาวน์ 15% และจะมีการคัดกรองลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ