แสนสิริ จับมือ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ผุด "สมาร์ท คอมมานด์ เซ็นเตอร์" ศูนย์ควบคุมสังเกตการณ์จาก ส่วนกลาง หวังยกระดับปลอดภัยโครงการอสังหาฯ  หนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคเลือกซื้อบ้าน ประเดิมใช้ 4 โครงการนำร่อง ปีหน้าเพิ่มอีก 11 โครงการทั้งแนวราบ-สูง

          นายทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารจัดการความปลอดภัยทั้งอาคาร และทั้งโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพราะความปลอดภัยเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ผ่านมาการดูแลความปลอดภัยจะจำกัดในห้องชุดพักอาศัย และ บ้านพักเท่านั้นผ่านแอพลิเคชั่น แสนสิริ โฮม เซอร์วิส

          ทั้งนี้ บริษัทจับมือกับ "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ทุ่มงบประมาณ 20 ล้านบาท ผุด "สมาร์ท คอมมานด์ เซ็นเตอร์" ศูนย์ควบคุมสังเกตการณ์จากส่วนกลาง เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย ระบบวิศวกรรม ของโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริที่อยู่ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแม่นยำ และรวดเร็ว แบบเรียลไทม์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีไฟไหม้ คนบุกรุกพื้นที่ต้องห้าม น้ำประปาไม่ไหล ลิฟท์ค้าง  "แสนสิริได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากกว่า 30 ปี มีโครงการทั้งแนวราบ แนวสูงจำนวนมาก จึงต้องการให้บริการด้านความปลอดภัยที่ดีขึ้น อย่างสมาร์ท คอมมานด์ เซ็นเตอร์มีเทคโนโลยี ศูนย์บัญชาการ คอยสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหว เหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้น ถ้ามีความเสี่ยง ไม่ปลอดภัย ในพื้นที่จะรู้พร้อมกันกับทางส่วนกลางแบบ เรียลไทม์ ทำให้ช่วยตัดสินใจและหาทางแก้ปัญหาได้ทันท่วงที"

          ที่ผ่านมา ปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีไม่มากนัก ราว 1-2 เหตุการณ์ แต่เป้าหมายของการทำสมาร์ท คอมมานด์ เซ็นเตอร์ ต้องการให้ปัญหาเหลือเป็นศูนย์

          สำหรับสมาร์ท คอมมานด์ เซ็นเตอร์ ประเดิมใช้กับโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของแสนสิริ โดยปลายปี ใช้กับโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เทอร์ทีไนน์ สุขุมวิท 39 เดอะไลน์ อโศก-รัชดา เดอะไลน์ ราชเทวี และบ้านเดี่ยวคณาสิริ พระราม 2 และปีหน้าจะขยายเพิ่มอีก 11 โครงการ ทั้งแนวราบและแนวสูง ในกรุงเทพฯและปริมณฑล

          นายชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากร อาคารและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า สมาร์ท คอมมานด์ฯ จะใช้กับโครงการใหม่ของแสนสิริเท่านั้น ส่วนโครงการเก่าซึ่งมีนิติบุคคลดูแล จะต้องพิจารณาการลงทุนด้วย และหากโครงการเก่าต้องการติดตั้งจะต้องเป็นโครงการที่พลัสฯ บริหารเท่านั้น

          ปัจจุบันพลัสฯ บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 218 โครงการ พื้นที่รวม 6.8 ล้านตารางเมตร(ตร.ม.) แบ่งการดูแลเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ดูแลการใช้ชีวิตของลูกบ้าน ดูแลการจัดการ พื้นที่ส่วนกลาง และดูแลระบบวิศวกรรมอาคาร เช่น น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง แอร์ต้องเย็น ฯ "การใช้เทคโนโลยีจะส่งผลให้ ลดคนหรือไม่ หากมองเทรนด์จะพบว่าตลาดแรงงานมีแนวโน้มลดลง แต่สิ่งที่เราทำ ต้องการดูแลลูกบ้านให้ดีขึ้น กลับกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคนมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสมาร์ท คอมมานด์ฯ ในโครงการไม่มีผลต่อค่าส่วนกลางเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด"