PFเร่งระบายสต๊อก1.1หมื่นล้าน ตุนแบ็กล็อก 6.7 พันล้าน บุ๊ก 5.9 พันล้านในปี 62
Loading

PFเร่งระบายสต๊อก1.1หมื่นล้าน ตุนแบ็กล็อก 6.7 พันล้าน บุ๊ก 5.9 พันล้านในปี 62

วันที่ : 7 มกราคม 2562
PF เดินหน้าเร่งระบายสต๊อกสินค้าในมือกว่า 11,000 ล้านบาท และตุนบ็กล็อก 6,700 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ในปี 62 กว่า 5,900 ล้านบาท ส่วนยอดขายปี 61 ทำได้ 16,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาท เหตุความเชื่อมั่นปลายปี 61 ชะลอตัว
          PF เดินหน้าเร่งระบายสต๊อกสินค้าในมือกว่า 11,000 ล้านบาท และตุนบ็กล็อก 6,700 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ในปี 62 กว่า 5,900 ล้านบาท ส่วนยอดขายปี 61 ทำได้ 16,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาท เหตุความเชื่อมั่นปลายปี 61 ชะลอตัว
          นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 น่าจะหดตัวลงจากปี 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเริ่มใช้เกณฑ์การให้สินเชื่อ (LTV) ใหม่ในเดือนเมษายน 2562 ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยในช่วงไตรมาส 1/2562 คาดว่าจะเห็นการโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่จำนวนมาก ซึ่งจะเห็นว่าทุกบริษัทที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เน้นการขายสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ที่มีในมือต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2561 ก่อนการใช้เกณฑ์ LTV ใหม่
          ขณะที่ PF คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การใช้ LTV ใหม่ไม่มาก และต่ำกว่าเท่าตลาดรวม เนื่องจากบริษัทเน้นการขายลูกค้าในกลุ่มซื้อเพื่ออยู่จริงมาโดยตลอด และในปี 2562 บริษัทจะยังคงเน้นทำตลาดในกลุ่มซื้อเพื่ออยู่จริงเป็นหลัก โดยเกณฑ์การให้ LTV ใหม่จะส่งผลกระทบกับลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุน หรือซื้อเก็งกำไร ซึ่งบริษัทมีลูกค้าในกลุ่มนี้ในสัดส่วนที่น้อยมาก
          นายวงศกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกในมือรวมประมาณ 10,000-11,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์รับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย
          นอกจากนี้ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมกว่า 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการแนวราบประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในปี 2562 ทั้งหมด และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3,200 ล้านบาท จะทยอยส่งมอบในปี 2562 ประมาณ 2,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบในปี 2563
          ส่วนยอดขาย (Presale) ในปี 2561 บริษัททำได้ 16,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดในช่วงปลายปีส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขณะที่ในปี 2561 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 19 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 17 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ซึ่งมีโครงการแนวราบเลื่อนเปิดตัวมาในช่วงไตรมาส 1/2562 จำนวน 1 โครงการ เนื่องจากปัจจัยเกณฑ์การให้ LTV ใหม่ของธปท. บริษัทจึงหันมาเน้นการขยายสินค้าที่มีในมือ
          นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 บริษัทได้เปิดขายโครงการ ยู คิโรโระ (YU Kiroro) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบสกีอิน หรือสกีเอาต์แห่งแรก ในคิโรโระ รีสอร์ท ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายจากลูกค้าคนไทยทั้งหมดแล้ว 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของมูลค่าโครงการ จากการทำตลาดเฉพาะในประเทศไทยเพียง 2 เดือนเท่านั้น และในปี 2562 บริษัทจะนำโครงการดังกล่าวออกไปทำตลาดในฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และจีน
          สำหรับแผนการดำเนินงานและเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในปี 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะสรุปแผนและสามารถเปิดเผยได้ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2562 นี้
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ