ดาร์ลิ่ง รุกตลาดที่นอน
Loading

ดาร์ลิ่ง รุกตลาดที่นอน

วันที่ : 7 กุมภาพันธ์ 2562
"ดาร์ลิ่ง" เปิดยุทธศาสตร์รุกตลาดที่นอนไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปูพรมเจาะไทย-ต่างประเทศ ชี้แนวโน้มการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และการท่องเที่ยวขาขึ้นดันอุตสาหกรรมโต มั่นใจโกยรายได้ 600 ล้านบาทในปีนี้
          ปูพรมเจาะอสังหาฯ ไทย-ต่างประเทศ

          "ดาร์ลิ่ง" เปิดยุทธศาสตร์รุกตลาดที่นอนไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปูพรมเจาะไทย-ต่างประเทศ ชี้แนวโน้มการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และการท่องเที่ยวขาขึ้นดันอุตสาหกรรมโต มั่นใจโกยรายได้ 600 ล้านบาทในปีนี้

          นางเพ็ญศรี แช่มปรีดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายที่นอนภายใต้แบรนด์ดาร์ลิ่ง เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าโครงการภายในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกมาจากเรื่องของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคอนโดฯ โรงแรม ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวสูงขึ้นถึง 40 ล้านคนในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าจะส่งผลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะโรงแรมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้มองว่าเป็นโอกาสดีของบริษัทในการสร้างโอกาสทางการเติบโตในกลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่บริษัทมีความถนัด และเป็นผู้นำอยู่แล้ว โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายของช่องทางลูกค้าโครงการเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 20% และช่องทางรีเทล 80% สำหรับแนวทางการสร้างแบรนด์ในช่องทางลูกค้าโครงการบริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพพนักงานขายให้มีความรู้ความเข้าใจ ของคุณสมบัติเครื่องนอนที่ดีเพื่อใช้ในการสื่อสารแบรนด์ไปยังลูกค้า

          "เราเติบโตมาจากการขายช่องทางลูกค้าโครงการในยุคแรกที่ทำตลาดตั้งแต่ช่วง 60 ปีที่ผ่านมา จน 30 ปีให้หลังจึงเริ่มขยายเข้าช่องทางรีเทลมากขึ้น"

          ทั้งนี้ยังได้เตรียมงบประมาณราว 5-7% เพื่อใช้ในการสร้างแบรนด์ในช่องทางรีเทลให้มีความแข็งแกร่งพร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางโฮมโปรทั่วประเทศ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Blocker และWebsite มากขึ้น หลังจากบริษัทได้มีการสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางดังกล่าวมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและพบว่าสามารถสร้างการเข้าถึงไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีแผนในการเปิดตัวเครื่องนอนใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงามราว 3-4 ราย การเข้าทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น ที่นอนคอลลาเจน ที่นอนเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงชุดที่นอนสมัยใหม่ที่มีน้ำหนักเบา (Handle) สามารถพับเก็บและส่งดีลิเวอรีได้ เพื่อใช้เป็นสินค้าเรือธงสำคัญในการขยายตลาดในช่องทางออนไลน์

          ด้านตลาดต่างประเทศภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มัลดีฟส์ ทั้งในรูปแบบของการจำหน่ายผ่านดิสตริบิวเตอร์ ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง และในรูปแบบของการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ล่าสุดได้เตรียมขยายตลาดเข้าไปในประเทศฟิลิปปินส์ อินเดีย และจีน เพิ่มเติม โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับพาร์ตเนอร์ชาวท้องถิ่น

          "ในจีนเรามองว่าแม้จะมีการแข่งขันกันสูงแต่จากความนิยมในสินค้าแบรนด์ไทยที่เป็นยางพาราโดยเฉพาะชุดเครื่องนอน หมอน เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ในจีนราว 2-3 ราย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันและเริ่มวางจำหน่ายได้ในเร็วๆนี้" 

          อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% แบ่งเป็นยอดขายที่มาจากในประเทศ 70-75% และต่างประเทศ 25-30% โดยปัจจุบันตลาดที่นอนเมืองไทยมีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดที่นอนระดับบนที่มีราคาตั้งแต่ 4 หมื่นบาทขึ้นไป 20% มีการเติบโตที่ไม่หวือหวามากนัก ตลาดที่นอนระดับกลางที่มีราคาตั้งแต่ 1-4 หมื่นบาท 40% และตลาดที่นอนระดับล่าง ราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท 40% โดยทั้งตลาดกลางและตลาดล่างถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี