แสนสิริ ปรับแผนรับการเมือง-คอนโดฯล้น ลดเปิดใหม่-ขยายแนวราบตลาดกลางล่าง
Loading

แสนสิริ ปรับแผนรับการเมือง-คอนโดฯล้น ลดเปิดใหม่-ขยายแนวราบตลาดกลางล่าง

วันที่ : 8 กุมภาพันธ์ 2562
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 62 คือปัญหาการ เมืองหลังเลือกตั้งซึ่งต้องจับตาดูความมีเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ซึ่งจะกระทบกับความเชื่อมั่นของลูกค้า และปัญหา ซัปพลายคอนโดมิเนียมที่ยังมีอยู่ในตลาดจำนวนมาก ทำให้ในปีนี้ แสนสิริ ค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่โดยได้ลดจำนวนการเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่เหลือ 12 โครงการ จากปีก่อน เปิดตัว 13 โครงการ พร้อมทั้งปรับลดเป้าประมาณการยอดขายคอนโดฯ ในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติลงจาก 14,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเหลือ 9,000 ล้านบาทในปีนี้
          นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 62 คือปัญหาการ เมืองหลังเลือกตั้งซึ่งต้องจับตาดูความมีเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ซึ่งจะกระทบกับความเชื่อมั่นของลูกค้า และปัญหา ซัปพลายคอนโดมิเนียมที่ยังมีอยู่ในตลาดจำนวนมาก ทำให้ในปีนี้ แสนสิริ ค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่โดยได้ลดจำนวนการเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่เหลือ 12 โครงการ จากปีก่อน เปิดตัว 13 โครงการ พร้อมทั้งปรับลดเป้าประมาณการยอดขายคอนโดฯ ในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติลงจาก 14,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเหลือ 9,000 ล้านบาทในปีนี้

          ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มจากปีที่แล้วพร้อมกันนี้ได้ปรับเซกเมนต์ลูกค้าในกลุ่มตลาดระดับล่างเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของกลุ่มโครงการแนวสูงและโครงการแนวราบ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนสินค้าใหม่ในปีนี้แบ่งออกเป็นตลาดกลาง 25-27% ตลาดล่าง 70% และตลาดพรีเมียม 3-5%

          "การปรับจำนวนการพัฒนาโครง การใหม่ลงนั้น เพื่อรองรับสถานการณ์ตลาดและปัจจัยเสี่ยงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งหากผลออกมาเป็นบวกก็สามารถเพิ่มการลงทุนได้อีก ขณะที่การลดเป้ายอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติลงจาก 14,000 ล้านบาทเหลือ 9,000 ล้านบาท ไม่ได้เกิดจากความกังวลต่อปัญหาการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แต่เป็นการปรับลดตามสัดส่วนยอดขาย และจำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ของปีนี้"

          นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธาน ผู้บริหารสายปฏิบัติการ แสนสิริ กล่าวว่า สำหรับมาตรการ LTV ที่จะประกาศใช้ในเดือนเมษายนนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้าต่างชาติเนื่องจากที่ผ่านมาลูกค้าคนไทยที่ซื้อห้องชุดส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติเช่นลูกค้าชาวจีนที่ซื้อห้องชุดในโครงการเดอะ LINE ที่ผ่านมา 2-3 โครงการ มีลูกค้าเพียงหนึ่งรายเท่านั้นที่ไม่รับโอนห้องชุด เนื่องจากบริษัทมีการปรับยอดวางเงินดาวน์ไปก่อนหน้านี้แล้ว

          โดยสินค้าในตลาดพรีเมียมกำหนดให้วางเงินดาวน์ 20% สินค้าในตลาดล่าง 10% ส่วนลูกค้าต่างชาติกำหนดให้วางเงินดาวน์หลังจองซื้อทันที 25% ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่สูง ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้าต่างชาติเกือบ 100% รับโอนห้องชุดตามกำหนดระยะเวลา อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20% ซึ่งกลุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการLTV อยู่บ้าง แต่มั่นใจว่าลูกค้าจะรับโอนห้องชุดตามกำหนด เนื่องจากจำนวนเงินดาวน์ที่วางไว้ค่อนข้างสูง

          สำหรับแผนธุรกิจในปี 62 นี้ แสนสิริ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 28 โครงการรวมมูลค่า 46,600 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 12 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่ารวม 18,700 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท โดยในส่วนของคอนโดฯ จะเป็นโครงการร่วมทุน 3 โครงการ อีก 9 โครงการ แสนสิริ จะลงทุนเอง ทั้งนี้ โครงการที่เปิดใหม่จะเน้นเปิดตัวโครงการระดับกลาง โดยแสนสิริ ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมียอดขายรวม 36,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 32,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้วางเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (62-64) ในการสร้างยอดขายรวมที่ประมาณ 160,000 ล้านบาท

          "เพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาโครง การใหม่ในอนาคตในปีนี้ แสนสิริ ได้เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินรอการพัฒนาไว้ 17,000 ล้านบาท"

          สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 48,500 ล้านบาท เติบโต 26% เปรียบเทียบกับในปี 2560 ที่มียอดขายอยู่ที่ 38,500 ล้านบาท ยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติอยู่ที่กว่า 14,000 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 51% และยอดขายจากกลุ่มลูกค้าตลาดต่างจังหวัดอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 25% ของยอดขายรวมทั้งหมด เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนถึง 51% ปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้รวมกว่า 63,500 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ