ซีบีอาร์อี ประเมิน ไทยเป็นฐานสำคัญที่ชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยว ลงทุนซื้อคอนโดฯ ตั้งสำนักงานในกรุงเทพฯ แนวโน้มการร่วมทุนจากจีนในอสังหาฯจะเพิ่มสูงขึ้น แม้นักลงทุนญี่ปุ่นจะครอบครองโครงการจอยเวนเจอร์

          แผนกวิจัยซีบีอาร์อี รายงานว่า จีนกำลังมีบทบาทมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย และการท่องเที่ยว จากปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย 10.5 ล้านคน คิดเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด เพิ่มถึง 1,175% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และชาวจีนเป็นชาติที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยมากเป็นอันดับสองรองจากชาวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น  185.25% ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดที่พักอาศัยให้เช่าในย่านใจกลางธุรกิจ(ซีบีดี)มากนัก เนื่องจากงบการเช่าที่พักอาศัยของชาวจีนทั่วไปต่ำกว่าชาวญี่ปุ่น ชาวอเมริกัน และชาวยุโรป ประกอบกับไทยมีการส่งออกไปจีนมากที่สุด และเมื่อปีที่แล้ว จีนลงทุนโดยตรง (FDI) ในไทยที่ใหญ่เป็นอันดับ 5

          โดยเชื่อมั่นความสำคัญของจีน ในฐานะแหล่งที่มาของความต้องการและการลงทุนในตลาดอสังหาฯไทยจะเพิ่มมากขึ้น ที่เห็นได้ชัด คือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอีก ด้านการลงทุนปัจจุบันการลงทุนของจีนในอสังหาฯประเภทโรงแรมในไทยนั้น ยังมีจำนวนจำกัด

          ในตลาดคอนโดมิเนียม จำนวนผู้ซื้อชาวจีนได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งชาวต่างชาติได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับคนไทย ในเรื่องภาษีจากการซื้อขายอสังหาฯ ขณะที่ประเทศอื่นผู้ซื้อชาวต่างชาติจะต้องจ่ายค่าภาษีอากรแสตมป์สูงกว่าผู้ซื้อในประเทศ

          "แต่กระนั้น ทางซีบีอาร์อี มีความกังวลเกี่ยวกับความต้องการซื้อคอนโดฯจากลูกค้าชาวจีน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ซื้อบางรายอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ ในแง่ของค่าเช่าหรือกำไรจากการลงทุน และมาตรการควบคุมการนำเงินออกไปยังต่างประเทศเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับการที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติไม่สามารถกู้ยืมเงินในไทยเพื่อซื้ออสังหาฯได้นั้น อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการ"

          การลงทุนจากจีนในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมยังมีจำนวนจำกัด โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาร่วมทุนในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ยังคงมาจากญี่ปุ่น แต่มีแนวโน้มที่การลงทุนโดยตรงจากจีนในการพัฒนาอสังหาฯผ่านการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน"

          ประเทศจีนนับเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยพบว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากจีนเพิ่มขึ้นจาก 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (256,000 ล้านบาท) ในปี 2556 เป็นเกือบ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.12 ล้านล้านบาท) ในปี 2560 แต่แนวโน้มนี้จะชะลอตัวลงในระยะสั้นจากการที่รัฐบาลจีนจำกัดการลงทุนในต่างประเทศและการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ

          บริษัทจีนเป็นที่มาของความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดพื้นที่สำนักงานของกรุงเทพฯ โดยธุรกรรมการเช่าพื้นที่สำนักงานที่ใหญ่ที่สุดหลายธุรกรรมในปีที่แล้ว มาจากบริษัทด้านอี-คอมเมิร์ซของจีน สำหรับการลงทุนจากจีนในการพัฒนาอาคารสำนักงานยังคงมีอยู่จำกัด โดยนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดคือไชน่า รีซอร์สเซส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมทุนในโครงการออล ซีซั่นส์ เพลส บนถนนวิทยุ ที่มีมานานกว่า 30 ปี