คาดยอดขายลดลง มาตรการคุมสินเชื่อ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว

          ทริสเรทติ้งมีมุมมองเชิงลบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 เหตุได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ สกัดกำลังซื้อเก็งกำไรกลุ่มคอนโด

          น.ส.สุชาดา พันธุ รองกรรมการ ผู้จัดการสายงานจัดอันดับเครดิต บริษัท ทริสเรทติ้ง  เปิดเผยว่า ปี 2562 ทริสมีมุมมองเชิงลบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย เนื่องจากปีนี้มาตรการการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย จะฉุดกำลังซื้อในส่วนของการเก็งกำไรคอนโดมิเนียมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่กำลังซื้อลดลงจากเศรษฐกิจในประเทศจีนชะลอตัวลงด้วย

          "ปีที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์รวมถึงที่ดินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีรายได้ประมาณ 2-3 แสนล้านบาท เราว่าถึงจุดพีกหรือสูงสุดไปแล้ว ปีนี้คิดว่าจะชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้การระดมทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ผ่านการออกหุ้นกู้น่าจะมีประมาณ 1 แสนล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา" น.ส.สุชาดา กล่าว

          น.ส.สุชาดา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามทริสมีมุมมองเชิงบวกในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ค่าเช่าแน่นอน ส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนในสำนักงานออฟฟิศให้เช่า โรงงานอุตสาหกรรม และยังมีฐานะการเงินที่มั่นคง โดยมีหนี้สินเพียง 20-30% ของสินทรัพย์รวม

          นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ในส่วนของบ้านแนวราบที่เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ไม่ได้รับผล กระทบจากมาตรการการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ โดยในช่วง 3 เดือนแรกบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ในไตรมาส 2 คาดว่าจะชะลอตัวอย่างมาก โดยเฉพาะเดือน เม.ย. และ พ.ค. เนื่องจากมีวันหยุดหลายวันและเป็นช่วงเตรียมการงาน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก แต่หลังจากนั้นคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ในการทำตลาดให้เร็ว เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ในแต่ละเดือน

          ขณะที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรในการตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทเอพี ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยปีที่ผ่านมามีการเพิ่มทุนใหม่ร่วม 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 9,000 ล้านบาท

          นายมนตรี อุปถัมภากุล เจ้าหน้าที่บริหารระดับรองผู้จัดการอาวุโส สายวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีหนี้สินที่ครบกำหนดชำระ 8.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการ ออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมารีไฟแนนซ์และอาจมีการออกหุ้นกู้ของกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้นซึ่งโดยรวมน่าจะมีประมาณ 1.10 แสนล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 16% ของมูลค่าคงค้างหุ้นกู้ทั้งระบบ 8 แสนล้านบาท ส่วนภาคอุตสาหกรรม อื่นๆ ที่เห็นชัดเจนว่ามีความต้องการออกหุ้นกู้มีกลุ่มพลังงาน