พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯเริ่มชะลอตัวหลังบังคับใช้กฎ LTV ทำให้ลูกค้าเลื่อนการตัดสินใจซื้อ โดย 4 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมียอดขาย 5 พันล้านจากเป้า 1.9 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์รับมือ

          นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ในช่วงไตรมาสแรกมีความคึกคัก ผู้ประกอบการเร่งโอนโครงการเพื่อให้ทันกับมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) แต่พอเข้าสู่เดือนเม.ย.-พ.ค.หลังบังคับใช้กฎของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลาดเปลี่ยนไปเยอะ ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ แม้แต่สถาบันการเงินยังโอดครวญปล่อยไม่ได้ตามเป้า ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ ปรากฏว่า ยังสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

          โดยช่วง 4 เดือนกว่าของปี 62 มียอดขายได้กว่า 5,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่วางไว้ 19,000 ล้านบาท ส่งผลให้ เพอร์เฟค ต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อปรับตัวให้กับสถานการณ์ โดยแนวทางแรก คือ การให้น้ำหนักกับโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิด 16 โครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียมเพียง 1 โครงการ

          "เราต้องปรับตัวรับมือกับ LTV แม้จะทำได้ยากแต่เราต้องปรับตัว ทั้งผู้ซื้อ ที่ต่อจากนี้ไปต้องมีการออมเงินล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปี ขณะที่ผู้ขายก็ต้องปรับให้กับตลาด อย่างเช่น ของ เพอร์เฟค จะปรับลดปริมาณบ้านพร้อมอยู่ ซึ่งเราเคยอยู่ในตลาดในประเภทนี้มา 10 ปี ปรับลดลงแล้ว ไปเพิ่มกลุ่มบ้านสร้างไปขายไป คาดว่าทั้งสองประเภทจะมีสัดส่วนอยู่อย่างละ 50% ซึ่งด้วยระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป เมื่อลูกค้ามีการผ่อนเงินดาวน์มาประมาณ 9 เดือน บริษัทจะใช้ระบบก่อสร้างดังกล่าวดำเนินการ โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 3 เดือน ลูกค้าก็สามารถผ่อนเงินดาวน์แล้วเสร็จ"

          ขณะที่การเปิดโครงการ  จะเน้นเปิดในทำเลที่บริษัทมีความชำนาญหรือเป็นทำเลที่มีโครงการเดิมของบริษัทดำเนินการอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการหลายค่าย ก็ต่างใช้กลยุทธ์ดังกล่าวในการสร้างยอดขาย ซึ่งในปีนี้ประมาณ 6-7 โครงการใหม่ ที่จะเปิดในทำเลใกล้เคียงกับโครงการที่มีอยู่ แต่การจะไปขยายตลาดในทำเลอื่นๆนั้น แล้วมีจำนวนยูนิตที่มาก อาจเป็นการยากต่อแผนการขาย จำเป็นต้องลดขนาดของโครงการลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และกำลังซื้อ

          ล่าสุด บริษัทพร็อพเพอร์ เพอร์เฟค และเซกิซุย เคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันเปิดตัว "บ้านนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์" ซึ่งเป็นการก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มบ้านระดับบนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในโครงการมาสเตอร์พีซ 4 โครงการในปีนี้และอีก 1 โครงการในปี 63 รวมมูลค่าโครงการ 3,150 ล้านบาท 104 ยูนิต ได้แก่ โซนกรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ และรัตนาธิเบศร์ รวมจำนวน 74 ยูนิต มูลค่ารวม 2,230 ล้านบาท และในต้นปี 63 อีก 1 โครงการ ในทำเลสุขุมวิท 77 จำนวน 28 ยูนิต มูลค่า 920 ล้านบาท  ซึ่งบ้านนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์ ราคาเริ่มต้น 20-45 ล้านบาท