แอลทีวีสกัดกู้ซื้อสัญญา2หัวทิ่ม
Loading

แอลทีวีสกัดกู้ซื้อสัญญา2หัวทิ่ม

วันที่ : 9 สิงหาคม 2562
                ครึ่งปีแรก-13%แต่อยู่อาศัยจริงพุ่ง
                ปีนี้คอนโดส่อ-20%บ้านแฝดช่วยพยุง
                ธปท.เปิดข้อมูลการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยครึ่งปีแรก พบแอลทีวีสกัดกู้ คอนโดสัญญาสองติดลบถึง 24.8% ขณะที่สัญญาแรกไม่มีผลเติบโตกว่า 14% 'กรุงไทย'คาดโอนบ้านปีนี้ลบ 10% ส่วนคอนโดอาจลบถึง 20%
                รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการติดตามภาวะอสังหาริมทรัพย์หลังมาตรการกำกับดูแล สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (มาตรการแอลทีวี) บังคับใช้ 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2562) พบว่าการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยสัญญาแรกไม่มีผล กระทบ โดยครึ่งปีแรกเติบโต 14.2% โดยไตรมาสแรก มีการเร่งปล่อยสินเชื่อก่อนมาตรการแอลทีวีบังคับใช้ทำให้สินเชื่อโตถึง 27.9% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 สินเชื่อเติบโตเพียง 2.4% ทั้งนี้สัญญาแรกเติบโตดีแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 17.9% และคอนโดมิเนียม 5.7% แต่การกู้ซื้อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 ขึ้นไป ติดลบ 13% มาจากคอนโดมิเนียมเป็นหลักที่ติดลบถึง 24.8% การกู้ซื้อบ้านเดี่ยวยังโต 3.3% ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเริ่มเห็นสัญญาณลดลง โดยคอนโดมิเนียมลดลงมาอยู่ที่ 177.0 ส่วนทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 154.7 และบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 142.9 อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามข้อมูลพร้อมรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง
                นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สำนักวิจัยกรุงไทย คอมพาส ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หลังมาตรการแอลทีวีออกมา มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ติดลบ 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวราบติดลบน้อยกว่าคอนโด เนื่องจากซื้อเพื่ออยู่จริง คาดว่าปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีมูลค่า 5.1 แสนล้านบาท หดตัว 10% โดยแนวราบหดตัว 4% คอนโด มีโอกาสติดลบ 20% และพบว่าบ้านแฝดมีส่วนช่วยพยุงตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดย 2-3 ปีที่ผ่านมามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแฝดโต 30% ทาวน์เฮาส์โต 7% บ้านเดี่ยวและตึกแถวอยู่ในภาวะหดตัว
"ช่วง 5 เดือนแรกการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแฝดเติบโตที่ 9% สูงกว่าตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมราว 2 เท่า ด้วย 4 จุดเด่นที่ราคาถูกกว่าบ้านเดี่ยว 30% เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมขนาดครอบครัว นอกจากนี้ ยังอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่หันมาพัฒนาบ้านแฝดมากขึ้น และคาดว่าในปี 2562-2563 จะเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 6,500-7,500 ยูนิต หรือขยายตัวเฉลี่ยปีละ 18%" นายพชรพจน์กล่าว
                นายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ผู้ร่วมทำงานวิจัย กล่าวว่า บ้านแฝดราคา 3-5 ล้านบาท มียูนิตพร้อมขายมากที่สุด จำนวน 12,000 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 60% ขณะที่ราคา 2-3 ล้านบาท มีสัดส่วน 20% และราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วน 14% ส่วนทำเลศักยภาพบ้านแฝด ราคา 2-3 ล้านบาท คือ พระราม 2-เพชรเกษม ย่านเอกชัย-บางบอน, มีนบุรี-สุวินทวงศ์ ย่านนิมิตรใหม่ ราคา 3-5 ล้านบาท คือ ติวานนท์ ย่านติวานนท์-นวลฉวี, มีนบุรี-สุวินทวงศ์ ย่าน หทัยราษฎร์ และหนองจอก, พระราม 2-เพชรเกษม ย่านวงแหวน-เพชรเกษม และพระราม 2 กม.1-10 และกรุงเทพฯตะวันออก ย่านลาดกระบัง ราคา 5-10 ล้านบาท คือ รังสิตปทุมธานี ย่านคลอง 1-7, รัชดา-ลาดพร้าว ย่านโชคชัย 4, พระราม 2-เพชรเกษม ย่านวงแหวนเพชรเกษม และพื้นที่ติวานนท์ ย่านสรงประภา
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ