ผ่าโรดแมพ'แอสเสทเวิรด์' ลุย'รีเทล'รับโกลบอลดีมานด์
Loading

ผ่าโรดแมพ'แอสเสทเวิรด์' ลุย'รีเทล'รับโกลบอลดีมานด์

วันที่ : 21 สิงหาคม 2562
นับเป็นการเขย่าพอร์ตปรับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจระลอกใหญ่ของ "แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น" บริษัทพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบไลฟ์สไตล์ครบวงจรในประเทศไทย หนึ่งในหัวหอกขยายอาณาจักร ทีซีซีกรุ๊ปของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี วางโรดแมพ ล้อไปกับขุมทรัพย์ประเทศไทย!! อย่างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
                  สรัญญา จันทร์สว่าง

                 นับเป็นการเขย่าพอร์ตปรับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจระลอกใหญ่ของ "แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น" บริษัทพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบไลฟ์สไตล์ครบวงจรในประเทศไทย  หนึ่งในหัวหอกขยายอาณาจักร ทีซีซีกรุ๊ปของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี  วางโรดแมพ ล้อไปกับขุมทรัพย์ประเทศไทย!! อย่างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

                วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ลิม วี ชาน หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ร่วมกันกล่าวว่า ศักยภาพประเทศไทยซึ่งมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี การขยายตัวของเมืองใหญ่ การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์(Retail & Commercial Building) ของ แอสเสทเวิรด์   ประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) และอาคารสำนักงาน (Office) ซึ่งจะมีการรีแบรนด์ วางตำแหน่งทางการตลาดและกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ รวมทั้งการขยายการลงทุน "บิ๊กโปรเจค" บนทำเลศักยภาพต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว 
แอสเสทเวิรด์ มองปัจจัยหนุนต่อการลงทุนสร้างการเติบโตในระยะยาวจากตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งปีที่ผ่านมา เยือนไทย 38.3 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยถึง 5,684 บาทต่อคนต่อวัน ขณะที่การค้าเพื่อการพาณิชย์ทั้งการค้าปลีกและค้าส่งเป็นภาคธุรกิจสำคัญ สัดส่วน 15.8% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ มีมูลค่าสูงอันดับ 2 รองจากภาคการผลิต ประกอบกับการขยายตัวของเมืองมีแนวโน้ม สูงต่อเนื่อง จากอัตราการอยู่อาศัยในเมือง (Urbanization Rate)  49.9% ในปัจจุบันจะเพิ่มเป็น 58.4% ในปี 2573 และ 69.5% ในปี 2593 ส่งผลต่อความต้องการสินค้าและบริการทุกแขนง!!

                "AWC มุ่งกลยุทธ์รีเทล เดสทิเนชั่น ผ่านการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หรือ Global Demand!! พร้อมพัฒนาโครงการคอนเซปต์ใหม่ ครีเอทให้แต่ละแบรนด์มีความยูนีค แตกต่าง เน้นไลฟ์สไตล์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้า รับมือดิสรัปต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

                โดยวาง 3 กลยุทธ์เป็นกรอบหลัก เริ่มจาก "Barbell Strategy" สร้างสมดุลระหว่างโครงการหลากหลายประเภทเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันทั้ง นักท่องเที่ยวและลูกค้าท้องถิ่นชาวไทย กลยุทธ์ที่ 2 วางคอนเซปต์โครงการที่ไม่เหมือนใครด้วย "มิกซ์ยูส ดีเวลลอปเมนท์" กลยุทธ์ที่ 3  การบริหารจัดการโครงการและผู้เช่าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นโจทย์สำคัญทำให้แต่ละโปรเจคเก่าและใหม่ในพอร์ตกำลังถูกเขย่า!! ไล่ตั้งแต่ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" บนริมฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเน้นลูกค้าเป้าหมาย นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ จะขยายพื้นที่ เพิ่มรวม 90,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่ขาย 40,000 ตร.ม. รวมทั้งโรงแรมแมริออท ซึ่งจะทำให้ปริมาณลูกค้าหมุนเวียนในช่วงกลางวันเพิ่มขึ้นในอนาคต

                AWC ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน เช่น โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่สร้างขึ้นจากแนวคิด One-stop Shopping ที่ครบวงจร สำหรับตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่ ในขณะที่โครงการตะวันนา บางกะปิ จะเป็นคอมมูนิตี้มาร์เก็ตที่มีพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร มีร้านค้าและบริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต อาหาร และร้านค้าทั่วไป  รวมทั้งเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ในหมู่เพื่อน
    
                โดยแบรนด์คอมมูนิตี้มอลล์ "เกทเวย์"เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้พักอาศัยที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร  มุ่งสร้างประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ Food Fun Family วางสัดส่วนพื้นที่อาหารและเครื่องดื่ม หรือ  "F&B" รวมทั้ง  Attractions ที่มากกว่า 50% ของโครงการ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่ ใช้แบรนด์ เกทเวย์

                ทั้งนี้แบรนด์ "พันธุ์ทิพย์" ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและเข้มแข็งทางด้านไอทีจะถูกพัฒนาในรูปแบบของ "ซับแบรนด์" ที่อนาคต จะขยายเป็นหนึ่งในแม่เหล็กภายใน "เกทเวย์"รวมทั้งพื้นที่ศักยภาพต่างๆ  โดยที่ "พันธุ์ทิพย์  ประตูน้ำ" จะมีการปรับพื้นที่ขนานใหญ่เพิ่มส่วนของไลฟ์สไตล์มากกว่า 50%  ภายใน 2-3 ปี  จากนี้ยังจะเป็นช่วงเวลาของการศึกษา บิ๊กโปรเจคที่จะพลิกโฉมพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ บนที่ดิน 10 ไร่!! ให้กลายเป็นเพชรเม็ดใหญ่ใจกลางกรุงของแอสเสทเวิรด์
สำหรับแบรนด์คอมมูนิตี้มาร์เก็ต อย่าง "ตะวันนา" อยู่ระหว่างพัฒนาคอนเซปต์ WANNA EAT/SHOP/PLAY/CHILL ซึ่งจะ นำมาใช้ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยเช่นกัน

                "AWC ได้เปรียบในจุดแข็งที่มีโครงการที่หลากหลายประเภท และกว่า 90% เป็นโครงการที่เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเอง มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือ โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนท่ามกลางราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง"

                พร้อมกันนี้ ยังเตรียมลงทุนโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ "พัทยา"  มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท คาดใช้เวลาพัฒนา 4-5 ปี ด้วยศักยภาพของทำเลใจกลางพัทยาและ "ริมทะเล" และการเดินทางด้วยไฮสปีดเทรดจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงจะเป็นโปรเจคยุทธศาสตร์ของ "แอสเสทเวิรด์" สร้างจุดหมายปลายทางระดับโลกรองรับตลาด นักท่องเที่ยว การประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ!!
    
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ