jeamjit.s@than-multimedia.com
            ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะขาขึ้น นอกจากผู้ประกอบการไทยจะลงทุนพัฒนาโครงการเองแล้ว ยังมีการจับมือร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรธุรกิจต่างชาติค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ตามด้วยจีน ซึ่งได้ทั้งเม็ดเงินลงทุน กลุ่มลูกค้า รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดี
            วันนี้กลุ่มผู้ซื้อที่พักอาศัยไม่ได้มีเพียงลูกค้าคนไทย ยังมีลูกค้าต่างชาติด้วย โดยเฉพาะชาวจีนและญี่ปุ่น ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง ช่วยพยุงกำลังซื้อในตลาดคอนโดมิเนียมได้อย่างดี ขณะที่ลูกค้าคนไทยประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนท่วม นโยบายคุมเข้มสินเชื่อบ้านด้วยมาตรการ LTV และ DSR ดังนั้น การมีพันธมิตรธุรกิจต่างชาติถือเป็นกลยุทธ์ลดความเสี่ยง
            ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า ก่อนปี 2562 ดีเวลอปเปอร์ไทยร่วมทุนกับต่างชาติ รวมทั้งสิ้น 35 ราย พัฒนาโครงการที่พักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว รองลงมาเป็นโรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก รวมมูลค่าโครงการ เกือบ 6 แสนล้านบาท
            สำหรับปี 2562 พบว่ามีโครงการร่วมทุนทั้งสิ้น 22 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ด้านจีน-ฮ่องกง มี 7 ราย รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นโครงการที่พักอาศัย
            แนวโน้มทุนต่างชาติยังมีความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย แต่ความหวือหวาอาจจะไม่เหมือนกับปี 2561 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยสดใส จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ยังป่วนโลกและไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่