ตลาดบ้านพักตากอากาศฟื้น ซีบีอาร์อี พบต่างชาติแห่ซื้อสูงถึง40%
Loading

ตลาดบ้านพักตากอากาศฟื้น ซีบีอาร์อี พบต่างชาติแห่ซื้อสูงถึง40%

วันที่ : 15 ตุลาคม 2562
นางสาวประกายเพชร มีชูสาร ผู้อำนวยการแผนกซื้อขายบ้านพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดบ้านพัก ตากอากาศโดยซีบีอาร์อี บริษัท ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ พบว่า ตลาดบ้านพักตากอากาศเริ่มกลับมาได้รับความนิยมจากนักลงทุนอีกครั้ง โครงการบ้านพักตากอากาศชั้นนำหลายแห่งมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการโครงการระดับคุณภาพที่สะสมมานานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะมีสัดส่วนผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติสูงถึงกว่า 40%
            นางสาวประกายเพชร มีชูสาร ผู้อำนวยการแผนกซื้อขายบ้านพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดบ้านพัก ตากอากาศโดยซีบีอาร์อี บริษัท ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ พบว่า ตลาดบ้านพักตากอากาศเริ่มกลับมาได้รับความนิยมจากนักลงทุนอีกครั้ง โครงการบ้านพักตากอากาศชั้นนำหลายแห่งมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการโครงการระดับคุณภาพที่สะสมมานานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะมีสัดส่วนผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติสูงถึงกว่า 40%
            ทั้งนี้ในปี 2562 นี้ มีผู้ซื้อที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อเพื่อใช้พักอาศัยเองหรือลงทุนในระยะยาว ถึงแม้ว่าจะมีราคาขายที่สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่หากพบว่าเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีที่หาได้ยาก อาทิ มีทำเลติดชายหาดหรือเห็นวิวทะเล หรือเป็นโครงการที่มีแบรนด์ โรงแรมชั้นนำมาบริหารจัดการอาคาร หรือมีการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่น่าสนใจให้แก่นักลงทุน ไม่ว่า จะเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำที่เปิดขายในปีนี้ จะพบว่า ต่างได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ เช่น
            โครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท คลับเมด กระบี่ และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท เชอราตัน ภูเก็ต แกรนด์ เบย์ ซึ่งมีราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย 185,000 บาทต่อตารางเมตร และ 230,000 บาทต่อตารางเมตร ตามลำดับ สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 วันที่เปิดขายในกรุงเทพฯ และมียอดขายแล้วกว่า 85% และ 65% ตามลำดับ
            โดยในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยส่วนใหญ่ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านและ คอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นหลัก ทำให้การพัฒนาโครงการที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัดโดยเฉพาะตลาดไฮเอนด์มีสัดส่วนที่ลดลง ทั้งในพัทยา หัวหิน เชียงใหม่ เขาใหญ่ และภูเก็ต จึงทำให้เกิด การสะสมของอุปทานซึ่งตลาดมีความต้องการที่พักอาศัยเพื่อการพักผ่อนแต่ไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวมากเท่าที่ควร
            "ความท้าทายสำหรับตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมคือต้นทุนที่ดินและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก  ซีบีอาร์อี พบว่าในตลาดที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ผู้ซื้อในช่วงหลังเป็นคนไทยกว่า 70% ที่เน้นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือ เพื่อการลงทุนในระยะยาว มากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น" นางสาวประกายเพชร กล่าว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ