THANAเผยตลาดอสังหาฯปี63 ไม่สดใสเหตุปัจจัยกดดันเพียบ
Loading

THANAเผยตลาดอสังหาฯปี63 ไม่สดใสเหตุปัจจัยกดดันเพียบ

วันที่ : 6 มกราคม 2563
“ธนาสิริ” เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 63 ยังคงมีปัจจัยกดดัน ทั้งหนี้ครัวเรือน-LTV-ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” แม้มีมาตรการกระตุ้นคอยหนุน ทั้งการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ชี้ต้องใช้เวลา 1-2 ปีกว่าจะฟื้นตัว
          “ธนาสิริ” เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 63 ยังคงมีปัจจัยกดดัน ทั้งหนี้ครัวเรือน-LTV-ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” แม้มีมาตรการกระตุ้นคอยหนุน ทั้งการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ชี้ต้องใช้เวลา 1-2 ปีกว่าจะฟื้นตัว

          นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้ประเมินแนวโน้มในอนาคต รวมถึงการวางเป้าหมายและการกำหนดแผนงานในปี 2563

          ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2563 ยังมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่นำไปสู่การปฏิเสธสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น อีกทั้งยังมีมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เริ่มประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563

          อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ อย่างมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ที่จะเป็นปัจจัยบวกทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัว ยอดการซื้ออสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโตขึ้น แต่ยังคาดการณ์ได้ยาก อาจจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีในการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์

          ดังนั้น ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กจึงต้องเร่งปรับตัว ด้วยการหาจุดเด่นของที่ดินในแต่ละทำเล เจาะลูกค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับพื้นที่และความต้องการลูกค้า รวมถึงการติดตามสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่จะสร้างความแตกต่างในตลาด และการบริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความไว้วางใจให้ผู้อยู่อาศัย

          นายสุทธิรักษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจในประเทศเป็นหลัก โดยจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการในแนวราบในโซนจังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก ซึ่งยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง และจะเน้นพัฒนาโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เน้นการสร้างผลประกอบการ (Turnover) ที่ได้เร็วและโอนกรรมสิทธิ์ให้มากที่สุด

          ด้านแนวโน้มของผลประกอบการในปี 2562 จะลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 556.68 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิที่ 17.54 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 318.58 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 33.24 ล้านบาท โดยเบื้องต้นบริษัทคาดการณ์รายได้ในปี 2562 น่าจะลดลงประมาณ 20-25% และะในสภาวะยอดขายชะลอตัว บริษัทได้มีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด โดยรณรงค์ให้พนักงานทุกคนทุกฝ่ายร่วมกัน ไม่จ้างคนเพิ่ม บริหารงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับการขาย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่องค์กร

          ทั้งนี้ การที่ผลการดำเนินงานในปี 2562 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีที่คาดจะผลประกอบการจะเติบโตขึ้น เนื่องจากในปี 2562 มีปัจจัยลบในหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และที่เห็นได้ชัดเจน คือมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ที่ประกาศใช้ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

          อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงปลายปีจะมีมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐที่ออกมาช่วยผู้บริโภค แต่ก็ยังเป็นในระยะสั้น และแม้ลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ก็ยังประสบกับปัญหาเรื่องของการขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินที่มีความเข้มงวดขึ้น ประกอบกับปัญหาหนี้สินครัวเรือนก็ยังคงมีอยู่
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ