แบงก์ชาติจ่อปลดล็อกบ้านหลังที่สอง กู้ได้ 100% ไม่ต้องวางดาวน์ภายในเดือนนี้ หลังหารือคลังแล้ว หวังใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศโบรกฯ คาดกลุ่มอสังหาฯ-แบงก์รับประโยชน์มากสุด AP-SPALI พร้อมระบายสต๊อกโครงการในมือเพียบ ส่วนแบงก์ SCB-TMB รับเต็ม ๆ พอร์ตสินเชื่อบ้านมากสุด

          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (loan to value: LTV) สำหรับบ้านหลังที่ 2 หรือสัญญาที่ 2 ภายในเร็ว ๆ นี้ หลังจากคลังได้หารือกับธปท.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เร่งเรื่องดังกล่าวอยู่

          “เร็ว ๆ นี้แบงก์ชาติจะผ่อนคลายมาตรการ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ เนื่องจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นฟันเฟืองที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจและมีการจ้างงานในประเทศสูง” นายลวรณ กล่าว

          ทั้งนี้จะมีการผ่อนคลายเฉพาะบ้านหลังที่ 2 เท่านั้น ส่วนบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไปนั้นไม่มีการผ่อนคลาย เนื่องจากปัจจุบันถือว่าบ้านหลังที่ 2 มีความจำเป็นไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรอย่างที่เข้าใจกัน

          ก่อนหน้านี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบให้แบงก์ชาติไปหามาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV)

          “แบงก์ชาติต้องไปดูว่าการใช้มาตรการ LTV ขณะนี้เหมาะสมกับช่วงเวลาหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นมาตรการที่ดีก็ตาม”

          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ให้บ้านหลังที่ 2 มาใช้เกณฑ์เดียวกับบ้านหลังแรก ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปี 2562 ภายในเดือนนี้ โดยคลังเสนอให้สามารถกู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์ โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น

          สำหรับเกณฑ์ที่ใช้ปัจจุบัน บ้านหลังแรก การวางดาวน์ 0-10% บ้านหลังที่ 2 วางดาวน์ 10% กรณีผ่อนบ้านหลังแรกมาแล้วเกิน 3 ปี และต้องวางดาวน์ 20% กรณีผ่อนบ้านหลังแรกมาไม่ถึง 3 ปี ส่วนบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป ต้องวางเงินดาวน์ 30% และกรณีที่บ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป บ้านหลังแรกและสอง ต้องวางเงินดาวน์ 20%

          ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีที่แบงก์ชาติจะผ่อนเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 นั้นจะส่งผลเชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มแบงก์โดยตรง สำหรับกลุ่มอสังหาฯ มองว่า AP, SPALI จะได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากมีโครงการอยู่ในมือพร้อมขายจำนวนมาก ขณะที่กำลังซื้อในตลาดยังคงมีความต้องการสูง แต่ติดปัญหาเรื่องของเกณฑ์ LTV ทำให้แบงก์ไม่ปล่อยกู้

          ส่วนกลุ่มแบงก์จะได้ประโยชน์จากการปล่อยกู้บ้านเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ชะลอตัวลงจากมาตรการ LTV
          นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด มองว่าหากมีการผ่อนคลายเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน จะส่งผลดีต่อกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะแบงก์ไทยพาณิชย์ หรือ SCB และแบงก์ทหารไทย หรือ TMB ที่มีพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง

          บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า น่าจะเป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ และก่อนหน้านี้ก็มีโครงการบ้านดีมีดาวน์ ซึ่ง SPALI น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวมากสุด

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า บริษัทมีสต๊อกพร้อมโอนที่เหลือขายในปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มขึ้นและสูงที่สุดของบริษัท เป็นผลจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ และได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV และปริมาณคอนโดมิเนียมในตลาดที่มีอยู่มาก ทำให้กระทบต่อการขายโดยเฉพาะการขายคอนโดมิเนียม