คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องของทำเล ดีไซน์ ราคา รวมถึงชื่อเสียงของดีเวลลอปเปอร์ คือปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แต่ในมุมมองของผู้บริโภคยุคนี้ เรื่องของบริการหลัง การขาย (After Sales Service) ที่รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน

          ล่าสุด "แสนสิริ" ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมการอยู่อาศัยของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จับมือ "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ลงทุน 60 ล้านบาท รุกหน่วยธุรกิจใหม่ LIV-24 บุกเบิกแวดวงอสังหาฯ กับสุดยอดบริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยและควบคุมอาคาร เต็มรูปแบบ แห่งแรกของวงการอสังหาฯไทย

          โดย LIV-24 เป็นเวอร์ชั่นอัปเกรดสุดล้ำ ต่อยอดจากความสำเร็จของ Smart Command Centre ที่ยกระดับความปลอดภัยจากส่วนกลางเข้าสู่ที่พักอาศัย ด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณ Intrusion Alarm แจ้งเตือนเมื่อมีการบุกรุกเข้าสู่ตัวบ้าน และระบบ Smart Meter โซลูชั่นตรวจสอบและแจ้งเตือน เมื่อมีการใช้น้ำประปาและไฟฟ้าที่ผิดปกติในที่พักอาศัย

          ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริมีการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนธุรกิจตั้งแต่การพัฒนาโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จนถึงการสร้างสรรค์บริการ สำหรับ LIV-24 นอกจากจะทำหน้าที่ทำงานด้านความปลอดภัยและดูแลรักษาระบบวิศวกรรมโครงการ พร้อมเสริมขีดความสามารถในการบริหารโครงการแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ รวมถึงช่วยเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกบ้านได้ยิ่งขึ้นในโครงการแนวสูงและแนวราบรวม 27 โครงการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

          "ผลงานของ LIV-24 ตั้งแต่เริ่มให้บริการจนถึงปัจจุบัน ก็คือ สามารถตรวจจับเหตุการณ์ที่ไม่ปกติภายในโครงการด้วย CCTV และเข้าแก้ไขได้ทันท่วงทีจำนวน 28 ครั้ง แจ้งเตือนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของระบบต่างๆ ภายในอาคารเชิงป้องกัน ด้วย IoT ก่อนที่ระบบจะชำรุดจำนวน 16 ครั้ง และช่วยประหยัดเงินค่าซ่อมแซมได้กว่า 2 ล้านบาท"

          "ศักยภาพของ Smart Command Centre ยังได้สะท้อนผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ได้แก่ THE LINE ASOKE-RATCHADA หรือ Sansiri's First Smart Condo โอนครบ 100% ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านการออกแบบบริการ (Service Design) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ที่สำคัญคือ จากผลสำรวจรวบรวมข้อมูลโดย KANTAR TNS พบว่า ปัจจัยบริการด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม (Good Security Service) เป็น 1 ใน 5 ปัจจัย ที่ลูกค้าให้ความสำคัญอย่างสูงในการเลือกซื้อ อสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ (Extremely Important)  ในช่วงตลอด 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากเปิดตัว Smart Security System"

          ภัสสรีภัคว์ ศรีกัญจนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ LIV-24 บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า  "ในปีหน้า  LIV-24 ภายใต้ หน่วยธุรกิจการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management) ของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ มีการวางแผนเชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการความปลอดภัย (Security Monitoring) และระบบวิศวกรรมอาคารส่วนกลาง (IoT Facility Management) เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบ IoT Facility Management ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการแนวราบ และเตรียมยกระดับความปลอดภัยจากพื้นที่ส่วนกลางเข้าสู่ที่พักอาศัย ด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณ Intrusion Alarm แจ้งเตือน เมื่อมีการบุกรุกเข้าสู่ตัวบ้านในโครงการแนวราบ และระบบ Smart Meter โซลูชั่นตรวจสอบและแจ้งเตือน เมื่อมีการใช้น้ำประปาและไฟฟ้า ที่ผิดปกติในที่พักอาศัยในโครงการแนวสูง ตลอดจนวางแผนเตรียมขยายทีมเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการรวม 10 คน เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องในอนาคต"

          ดร.ทวิชา กล่าวสรุปในช่วงท้ายว่า LIV-24 จึงช่วย 'ลด' 3 ด้าน สำหรับนิติบุคลและผู้พักอาศัยของโครงการแสนสิริ ได้แก่ ลดต้นทุน-ลดค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยยะ ทั้งกับตัวอะไหล่และเครื่องจักรที่มีความซับซ้อน รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายเรื่องบุคลากรซ่อมบำรุง ส่งผลโดยตรงต่อการบริหารส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าซ่อมแซมที่จะเพิ่มขึ้นจากเหตุต่างๆ โดย ใช่เหตุ รวมทั้งช่วยให้ลูกบ้านแสนสิริสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด สร้างความประทับใจ และเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ นับเป็นการตอกย้ำการเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับลูกบ้านแสนสิริได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตามแนวคิด "บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน"