ฮาบิแทท กรุ๊ปผนึกเจอาร์อี บริหาร วาลเด้น 4 โครงการ
Loading

ฮาบิแทท กรุ๊ปผนึกเจอาร์อี บริหาร วาลเด้น 4 โครงการ

วันที่ : 17 กุมภาพันธ์ 2563
ฮาบิแทท กรุ๊ปจับมือเจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ ประเทศญี่ปุ่น เข้าบริหารโครงการภายใต้แบรนด์ ‘วาลเด้น’ ทั้ง 4 โครงการบนทำเลซีบีดี
         ฮาบิแทท กรุ๊ปจับมือเจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ ประเทศญี่ปุ่น เข้าบริหารโครงการภายใต้แบรนด์ ‘วาลเด้น’ ทั้ง 4 โครงการบนทำเลซีบีดี

          นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการ และการบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเพื่อการลงทุน และอยู่อาศัยระดับลักชัวรี ซึ่งมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง และการเพิ่มมูลค่าราคาตลาดในการลงทุนให้แก่ผู้อาศัยในอนาคต รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการบริการที่มากขึ้น ฮาบิแทท กรุ๊ป จึงได้ร่วมมือกับ เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่บริหารจัดการหลายแห่ง โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จะเข้ามาบริหารโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีภายใต้แบรนด์ ‘วาลเด้น’ ของฮาบิแทท กรุ๊ป ทั้งหมด 4 โครงการ ใน 3 ทำเลคุณภาพ ได้แก่ วาลเด้น ทองหล่อ 8 วาลเด้น ทองหล่อ 13 วาลเด้น สุขุมวิท 39 และวาลเด้น อโศก สร้างมาตรฐานการบริการให้แก่โครงการคอนโดมิเนียมของฮาบิแทท กรุ๊ป เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อเพื่อการลงทุน และผู้อยู่อาศัย

          "การดึง เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ เข้ามาเป็นพันธมิตรในการบริหารจัดการโครงการภายใต้แบรนด์ วาลเด้น ในครั้งนี้ เพราะเจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งโครงการวาลเด้น มีลูกค้าเป้าหมายที่จะเช่าส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ประมาณ 80% นอกจากนี้ การบริหารโครงการโดยบริษัทมืออาชีพจะทำให้ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อโครงการภายใต้แบรนด์ วาลเด้น ทั้ง 4 โครงการ เชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริการที่มีมาตรฐานระดับสากล สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่ศัย และนักลงทุนได้เป็นอย่างดี รวมถึงราคาสินทรัพย์ในอนาคตจะมีมูลค่ามากขึ้น"

          นายชนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุน หรือซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้น ก็มีความต้องการผู้บริหารจัดการดูแลโครงการ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ซัปพลายมีมากเกินกว่านักลงทุนและผู้เช่า ทำให้ผู้ที่เคยลงทุนซื้ออสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ไม่สามารถปล่อยเช่าได้ทั้งหมด คือปล่อยเช่าได้เพียง 60-70% และได้รับผลตอบแทนเพียง 3% เท่านั้น
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ