เทขาย'คอนโด'ยกล็อตให้รายใหม่พัฒนา

        นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ มากมายที่กำลังรุมเร้าภาคอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 มีผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพราะทำให้เกิดการชะลอตัวกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดและกระตุ้นกำลังซื้อให้ตื่นตัวมากขึ้น โดยคอลลิเออร์ส คาดว่าในปีนี้จะยังคงเป็นอีกปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการ อสังหาฯ เพราะพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ โดยคาดว่าปีนี้คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-40,000 ยูนิต เน้นนำโครงการเก่าที่เหลือขายในส่วนที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จมาลดราคา

        "บางรายมีการลดราคามากกว่า 30% เพื่อระบายสต๊อกคงค้างก่อน และพบว่าผู้ประกอบการบางรายได้นำโครงการที่เคยเปิดขายในปีก่อนหน้า ทำการพรีเซลส์ใหม่อีกครั้ง และปรับลดราคาลง นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการบางรายมีการปรับรูปแบบโครงการใหม่ด้วยการลดราคาและปรับลดสเปกโครงการลง และพบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมอีกหลายโครงการที่ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าพัฒนาต่อหรือหยุดการพัฒนาไว้เพื่อรอให้ตลาดกลับสู่ภาวะสมดุลแล้วนำกลับมาขายใหม่ หรือขายทั้งโครงการให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ หรือกลุ่มทุนที่สนใจที่จะนำไปพัฒนาต่อ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนหลายรายทั้งกลุ่มทุนรายใหญ่ในประเทศหรือกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศสนใจที่จะซื้อโครงการคอนโดมิเนียมต่อจากผู้ประกอบการที่ต้องการหยุดการพัฒนาแล้วประสงค์ที่จะขายโครงการให้ผู้ประกอบการรายใหม่มาพัฒนาต่อทั้งในพื้นที่ชั้นในของ กทม.คือ สีลม สาทร รัชดา พระราม 9 เป็นต้น และเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเช่น พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งความต้องการซื้อของกลุ่มนักลงทุนมีทั้งในรูปแบบของการซื้อทั้งโครงการ การเหมาซื้อยูนิตที่เหลือขายทั้งโครงการ หรือแม้กระทั่งการเหมายกชั้น ก่อให้เกิดการซื้อขายรวมกว่า 1 แสนล้านบาท" นายภัทรชัยกล่าว