สาวิตรี รินวงษ์

          ถือเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่และ สำคัญในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" เพราะมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ผลิตและทำตลาดขนมปังเบอร์ 1 อย่าง "ฟาร์มเฮ้าส์" ด้วยเม็ดเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท

          ถัดมาเป็นข่าวใหญ่ เมื่อบริษัทตัดสินใจ ส่งบริษัทลูกอย่าง "บริษัท เพรซิเดนท์ ดี เวนจอร์ จำกัด" เข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ด้วยเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3 โครงการ ได้แก่ คอนโดมิเนียมไอดีโอ โมบิ รางน้ำ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท, ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 และไอดีโอ นิว พระราม 9

          นับเป็นการแสวงหาโอกาสเติบโตรอบทิศ ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่ธุรกิจอาหาร หรือขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกต่อไป

          พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการ สำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายมาม่า และกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เพรซิเดนท์ ดี เวนจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง  โดยไม่หวังพึ่งพาเพียงการผลิตและจำหน่ายมาม่าเท่านั้น จะเห็นว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับโครงสร้างด้วยการ เข้าซื้อหุ้นธุรกิจอาหารในเครืออย่าง บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปมาม่า และเส้นหมี่ขาว เส้นก๋วยเตี๋ยวมาม่า ฯลฯ

          ปีนี้จึงเดินตามแผนที่วางไว้ ด้วยการ เข้าซื้อหุ้นของฟาร์มเฮ้าส์นั่นเอง ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยเฉพาะการก้าวขึ้นเป็น "ยักษ์ใหญ่" ด้านอาหารติดท็อป 5 ในตลาด เพราะหากมองมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัท (27 ก.ย.61) อยู่ที่ระดับมากกว่า 5.2 หมื่นล้านบาท ส่วน เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ อยู่ที่ระดับมากกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท หากรวมกันได้มาร์เก็ตแคป จะทยานแตะ 8 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบมาร์เก็ตแคปแบรนด์ร้านอาหารรายใหญ่อื่นๆ ถือว่า

          สูสีและอาจแซงบางราย เช่น บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคป มูลค่ากว่า 6.6 หมื่นล้านบาท บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 8.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เบอร์ใหญ่อย่างบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคป มูลค่ากว่า 2.15 แสนล้านบาท เป็นต้น  หากการควบรวมกับ "ฟาร์มเฮ้าส์" แล้วเสร็จ บริษัทยังปรับเป้ารายได้ใหม่ และ ยืดระยะเวลาที่อาณาจักรจะยิ่งใหญ่ ทำเงินจาก 2 หมื่นล้านบาท ขยับเป็น 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2565

          "เราตั้งเป้าหมายรายได้แตะ 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีบริษัทพอดี"

          ส่วนการรุกคืบอสังหาริมทรัพย์ หากมองศักยภาพและฐานะ "ทางการเงิน" ต้องยอมรับว่าไทยเพรซิเดนท์ มีเงินทุนที่แข็งแกร่งพอสมควร มีกระแสเงินสดประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทต่อปี หากนำไปลงทุนหาผลตอบแทน (ยีลด์) ที่ดี ทำให้บริษัทคว้าโอกาสในการขยายธุรกิจจาก “อาหาร" สู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยนั่นเอง

          โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หากมองสถานการณ์และแนวโน้มการเติบโต ต้องยอมรับว่าเป็นเซ็กเตอร์ที่อยู่ในภาวะ "ขาขึ้น" ต่อเนื่องได้ 5-6 ปี ยิ่งมองถึงตลาดระดับบน ผู้ประกอบการทำราคาขายกันที่ระดับ "แสนบาท" ต่อตารางเมตร(ตร.ม.) เมื่อบริษัทพิจารณาผลตอบแทนที่จะได้รับค่อนข้างสูง 8-11% มากกว่าการฝากเงินที่ธนาคารพาณิชย์ ลงทุนในกองทุนฯ ได้รับผลตอบแทนประมาณ 3-4%

          "เรามองแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังขยายตัวได้อีกมาก ไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี ขณะที่ยอดขายมาม่าปีนี้ของเรายังโต แต่เราต้องการเติบโตให้รอบทิศ มากขึ้น” การลุกขึ้นมาปรับโครงสร้างธุรกิจในตอนนี้ ยังเป็นจังหวะที่ดีในการบริหารจัดการ ความเสี่ยงของเจนเนอเรชั่นด้วย เพื่อขับเคลื่อน องค์กรให้เจริญเติบโตระยะยาว

          สำหรับภาพรวมของมาม่าช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา มีรายได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และ มีกำไรสุทธิมากกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนภาพรวม ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่าราว 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท โดยมาม่า ยังครองแชมป์ตลาดมาอย่างยาวนาน

          มองหาโอกาสสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจต่อเนื่อง ในปี 2560 บริษัทเข้าซื้อหุ้นธุรกิจอาหารในเครือ ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปมาม่า และเส้นหมี่ขาว