มูลค่า 31,230 ล้าน ดันยอดขายปีนี้ 39,800 ล้าน

          AP เดินหน้าเต็มกำลัง เล็งผุด 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 31,230 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/61 หวังกระตุ้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้าย หนุนยอดขายรวมปี 61 เป็นไปตามเป้า 39,800 ล้านบาท

          นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,230 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 16 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 2 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายแล้วทั้งหมด

          ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2561 จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป–MECG) ทั้ง 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype) มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท และโครงการ ดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี (The Address Siam-Ratchathewi) เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 1 อาคาร มูลค่าโครงการ 8,300 ล้านบาท

          สำหรับโครงการ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น มีห้องชุดพักอาศัยจำนวน 1,253 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 135,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งจะเปิดจองผ่าน AP iBooking วันที่ 2 ต.ค.นี้ และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6-7 ต.ค. 2561 โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดขายประมาณ 60% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด

          นายวิทการ กล่าวอีกว่า จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2561 ของบริษัท เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายมีความคึกคักขึ้น และจะผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 39,800 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เดือน ม.ค.-15 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้วที่ 29,710 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 14,455 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบมูลค่า 15,255 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75% ของเป้าหมายทั้งปี 2561

          ส่วนภาพรวมตลาดในช่วงโค้งสุดท้าย มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง ตอบความต้องการตลาดระดับกลางถึงบนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) อยู่มาก เช่น ในทำเลอโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการคมนาคม

          นอกจากนี้ ในทำเลดังกล่าวยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็น CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ มีอัตราการเข้ามาของทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้สินค้าในโซนนี้เป็นที่ต้องการจากกลุ่ม Real Demand เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง