ฮาบิแทท กรุ๊ปเปิดแผนพัฒนาปี 63 เน้นการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์
Loading

ฮาบิแทท กรุ๊ปเปิดแผนพัฒนาปี 63 เน้นการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์

วันที่ : 16 ธันวาคม 2562
ฮาบิแทท กรุ๊ป เผยแผนปี 2563 เน้นการพัฒนาโครงการ เพื่อการลงทุนในรูปแบบ Lifestyle Investment มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่พัทยาเป็นหลัก เพื่อรองรับอีอีซี
          ฮาบิแทท กรุ๊ป เผยแผนปี 2563 เน้นการพัฒนาโครงการ เพื่อการลงทุนในรูปแบบ Lifestyle Investment มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่พัทยาเป็นหลัก เพื่อรองรับอีอีซี ชี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนยังเติบโตแต่ไม่หวือหวา ผนึกพันธมิตร ลีสต์ กรุ๊ป ญี่ปุ่น รุกขยายตลาดใหม่สู่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลางและยุโรป ทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง

          นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาดจะไม่เติบโตจากเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตลอด ทำให้กำลังซื้อได้รับผลกระทบต่อเนื่อง อีกทั้งหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธนาคารยังคงเข้มงวดกว่าระดับปกติในการปล่อยสินเชื่อ และยังมีปัจจัยเรื่องนโยบายการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) แม้จะมีปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาด ส่วนการลงทุนในปี 2563 นั้น ตลาดยังคงเติบโตไปได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่เติบโตสูงเหมือนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ผลตอบแทนทั้งค่าเช่าระยะยาว อีกทั้งส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) ซึ่งหากลงทุนในทำเลที่ดี แตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร กองทุนรวมที่มีความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้ นักลงทุนจึงนิยมลงทุนในอสังหาฯ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายหันมาให้ความสนใจลงทุนโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

          แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ของ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการเพื่อการลงทุนในรูปแบบ Lifestyle Investment มากขึ้น โดยปี 2563 จะหันมาโฟกัสการลงทุนในพื้นที่พัทยาเป็นหลัก เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางภาคตะวันออก เนื่องจากพัทยาได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ประกอบกับมีกำลังซื้อทั้งจากนักท่องเที่ยวคนไทย และชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา คาดว่าพัทยามีการเติบโตอีกมากใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่ภาครัฐให้การสนับสนุนและลงทุนในโครงการพื้นฐาน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา โครงการขยายสนามบินอู่ตะเภา หรือมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย ไประยอง อู่ตะเภา มาบตาพุด ส่งผลให้มีการลงทุนหลั่งไหลเข้ามาในพัทยา ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ต่างประเทศ และภาคเอกชน มากขึ้น

          ทั้งนี้ ในปี2563 ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังดำเนินการตามแผนเดิมคือ การเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสอีก 1 โครงการ บนทำเลติดทะเลนาจอมเทียน ประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียมซื้อเพื่อลงทุนและคอนโดมิเนียมซื้อเพื่ออยู่อาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทได้ลงทุนพัฒนาโครงการในพัทยาไปแล้วทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 5,500 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่ได้เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรมแล้วจำนวน 3 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ และเตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 2 แห่งในปี 2563 คือ บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์เวสเทิร์น และเบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา ส่วนในกรุงเทพฯ ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังเน้นการลงทุนในทำเลซีบีดี เช่น พร้อมพงษ์ และทองหล่อ ล่าสุดเปิดโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 และวาลเด้น ทองหล่อ 13 โดยทั้ง 2 โครงการเป็น คอนโด ลักชัวรีโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท

          นอกจากนี้ในปี 2563 ฮาบิแทท กรุ๊ป จะมองหาตลาดใหม่ๆ จากเมื่อก่อนที่เน้นเจาะโดยเฉพาะลูกค้าในตลาดจีน และฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วน 50% ที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทย แต่ปัจจุบันทั้งสองตลาดมีการชะลอตัวไปมาก จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งฮาบิแทท กรุ๊ป ที่มีการผนึกกับพันธมิตรอย่าง ลิสต์ กรุ๊ป จากญี่ปุ่น จึงจะเข้าไปขยายตลาดใหม่ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง และยุโรป เพื่อมาทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ