ORI ยอดขายครึ่งแรก 1.57 หมื่นล. ไตรมาส 3 ผุด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 4,580 ล้าน
Loading

ORI ยอดขายครึ่งแรก 1.57 หมื่นล. ไตรมาส 3 ผุด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 4,580 ล้าน

วันที่ : 1 กรกฎาคม 2564
ออริจิ้น โกยรายได้สวนทางวิกฤตโควิด โต37%
          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย. 2564) บริษัทมียอดขาย (Presale) สะสมแล้วกว่า 15,700 ล้านบาท เติบโต 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 29,000 ล้านบาท

          โดยในช่วงไตรมาส 2/2564 (เม.ย.-มิ.ย. 2564) บริษัทมียอดขายกว่า 8,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคงรักษาระดับการเติบโตจากไตรมาสก่อนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยอดขายดังกล่าว แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 25% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 75% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มียอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ในสัดส่วน 71% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขาย หรือที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) ประมาณ 29%

          สำหรับแบรนด์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายใหม่ช่วงไตรมาส 2/2564 คือแฮมป์ตัน (Hampton) ซึ่งเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) และแบรนด์แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) เป็นแบรนด์บ้านจัดสรรมิกซ์โปรดักส์ (Mixed Products) ที่มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์-ลักชัวรี

          ทั้งนี้ ล่าสุดโครงการ แฮมป์ตัน ศรีราชา เป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 90% ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาด Investment Property ขณะเดียวกันโครงการ แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 เป็นบ้านจัดสรรในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 2/2564 ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมากเช่นเดียวกัน

          นอกจากยอดขายในฝั่งโครงการเปิดตัวใหม่ เรายังใช้ความเข้าใจใน Insight ของผู้บริโภคมาเป็นแนวทางในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดแคมเปญ Final War, Final Price เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงคอนโดมิเนียมไฮเอนด์คุณภาพในราคาสุดคุ้ม รวมถึงการงัดกลยุทธ์ Online Marketing ของฝั่ง Consumer Products มาประยุกต์สร้างช่องทางขายเชิงรุกใหม่ ผ่าน Property Live นายพีระพงศ์ กล่าว

          นอกจากนี้ บริษัทยังได้จับมือกับ Bitkub เพิ่มช่องทางการซื้อขายให้แก่ผู้บริโภคด้วยคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งนี้ การปรับตัวทั้งหมดถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทยังรักษาการเติบโตของยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจจะได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 3

          นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังอยู่ในช่วงต้องจับตาดูภาพรวมของประเทศอย่างใกล้ชิด เช่น มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและการเยียวยาภาคส่วนต่าง ๆ ของภาครัฐ ความเร็วของการกระจายการฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) หากภาครัฐสามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ดี จะช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมและภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อานิสงส์ไปด้วย

          อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเดินหน้าปรับตัวให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ควบคู่กับการเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยในไตรมาส 3/2564 บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,580 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ บริทาเนีย ติวานนท์-ราชพฤกษ์ และ 2.โครงการ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-นครอินทร์, 3.โครงการแฮมป์ตัน ระยอง

          4.โครงการ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น เป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มสตาร์ทอัพ และ 5.โครงการ บริกซ์ตัน เพ็ท แอนด์ เพลย์ สุขุมวิท 107 คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้โครงการแรกของบริษัท เจาะกลุ่มความต้องการเฉพาะ (Affordable Niche) ซึ่งเชื่อมั่นว่าจากความเข้าใจ Insight ของผู้บริโภค และความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างสถิติยอดขาย All Time High ได้ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ