นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยแอสเซทไวส์ ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะ เกิดขึ้น สร้างแผนงานเชิงรุกสู้โควิด

          โดยครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเดินหน้าเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 9,700 ล้านบาท ประกอบด้วย "แอทโมซ บางนา"  มูลค่า 2,200 ล้านบาท  "เคฟ เอวา"  มูลค่า 2,400 ล้านบาท "โมดิซ ไรห์ม คลาวด์"  มูลค่า  3,700 ล้านบาท "โมดิซ ศรีราชา"  มูลค่า 1,300 ล้านบาท และ โครงการบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ มูลค่า  87 ล้านบาท

          โดยจะมี 2 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ไตรมาส 3  ได้แก่ "เคฟ ทียู"  มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มียอดขายกว่า 90%   และ "โมดิซ สุขุมวิท 50" มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4

          "เรายังคงมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ เช่นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคเป็น เจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัลหรือ คริปโทเคอเรนซี  เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อ บ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซทไวส์ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจ และปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ พร้อมศึกษาการลงทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ผลักดันการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง"

          อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีแรกนี้ (ม.ค.- มิ.ย.) บริษัทมียอดขายสะสมแล้ว 2,540 ล้านบาท โดยยอดขายประมาณ 40% มาจากแบรนด์เคฟ ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก รวมทั้งการปรับตัว นำกลยุทธ์การขายแบบออนไลน์ การออกแคมเปญส่งเสริมการขายสร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น กระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี  แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจากแรงกดดันของการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอก 3 เชื่อว่าปี 2564 จะปิดรายได้  5,000 ล้านบาท เติบโต 20% ตามเป้าหมาย จากปีก่อนมีรายได้ 4,205 ล้านบาท