นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโส บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 64 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 11 บริษัทหลัก ๆ คาดว่าเติบโต 50% หรือมีมูลค่าประมาณ 7,689 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 ที่มีกำไร 5,134 ล้านบาท เนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อนจาก การลดราคาขายทำให้กำไรลดลงอย่างมาก รวมทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของคนไทย โดยเฉพาะโครงการแนวราบ และยอดขายคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ และธุรกิจให้เช่าปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการเริ่มทยอยโอนและส่งมอบโครงการของผู้ประกอบการในแต่ละราย หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รุนแรงปีที่แล้ว

          ขณะที่ทิศทางหลังจากนี้ในระยะกลาง เชื่อว่าคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ จะส่งผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นต่อการเปิดตัวและโอน แต่ผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ที่ถูกเลื่อนจะไปเติมเต็มตัวเลขในปี 65 แทน และยังเชื่อว่ายอดขายและกำไรในครึ่งหลังของปี 64 จะเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก ด้วยแรงหนุนจากเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมากขึ้นและความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ที่จะช่วยกระตุ้นความหวังต่อการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจ

          ทั้งนี้ ได้ประเมินผลประกอบการไตรมาส 2 ของ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ มีกำไร 3 ล้านบาท, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไร 1,109 ล้านบาท, บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไร 1,904 ล้านบาท, บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มีกำไร 107 ล้านบาท โดยประกาศออกมาแล้วมีกำไร 121 ล้านบาท, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีกำไร 840 ล้านบาท, บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง มีกำไร 435 ล้านบาท, บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ มีกำไร 448 ล้านบาท, บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น มีกำไร 501 ล้านบาท, บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ มีกำไร 144 ล้านบาท, บมจ.แสนสิริ มีกำไร 622 ล้านบาท และบมจ.ศุภาลัย มีกำไร 1,576 ล้านบาท ซึ่งในภาพรวม อัตราการเติบโตของธุรกิจดังกล่าวมีทิศทางแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะต่อไปต้องรอในรายละเอียด