CPN ผนึกพันธมิตรเตรียม แผนกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงไตรมาส 4/2564 พร้อมย้ำเปิด 2 ห้าง สรรพสินค้าช่วงไตรมาสส่งท้าย อีกทั้ง ขยายฐานลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม : Mixed-Use เพิ่มมูลค่า ธุรกิจ ส่วนแผนซื้อหุ้น SF มั่นใจคุ้มค่าต่อยอดระยะยาว

          นายภนพินิต อุปถัมภ์ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ฝ่ายบริหารการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า บริษัทยังติดตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการดำเนินมาตรการควบคุมเข้มข้นใน 39 จังหวัดทั่วประเทศ เบื้องต้นยังคาดหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 โดยบริษัทร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจได้เตรียมแผนการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเทศกาลไว้พร้อมดำเนินการ

          พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือพันธมิตร และคู่ค้าของบริษัทอย่าง ต่อเนื่อง ทั้งการปรับลดค่าเช่าพื้นที่ รวมถึงยกเว้นค่าเช่าให้ในกรณีที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากมาตรการควบคุมสูงสุดของภาครัฐบาล อีกทั้งยังเป็นตัวกลางประสานงาน กับสถาบันการเงินต่างๆ ช่วยเหลือ คู่ค้าให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู หรือ Soft Loan และวงเงิน O/D เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น

          ขณะเดียวกันบริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ ให้พันธมิตรภายในห้างสรรพสินค้าสามารถเข้าถึงลูกค้า ได้ อาทิ Central Pattana 'Serve' Application เพื่อช่วยเหลือคู่ค้าแบบครบวงจรเจ้าแรกของวงการศูนย์ การค้าไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เช่า สะดวก รวดเร็ว รวมถึงเตรียมเปิดตัวโปรแกรม The 1 Biz: Effective CRM เพิ่มยอดขายให้คู่ค้าและแผนสนับสนุนต่อเนื่องทั้งปี และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

          เดินหน้าเปิด 2 ห้าง

          บริษัทยังคงแผนการลงทุนไว้ตามกรอบการดำเนินงานเดิม อาทิ แผนเปิดให้บริการ เซ็นทรัล อยุธยา และ เซ็นทรัล ศรีราชา ภายในไตรมาส 4/2564 รวมถึงแผนการเปิดให้บริการ เซ็นทรัล จันทบุรี ในช่วงกลางปี 2565 และการลงทุนในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567 เช่นกัน

          อีกทั้งมองหาการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ รูปแบบผสม (โครงการมิกซ์ยูส:MixedUse) บนถนนวิทยุ ประกอบด้วยโครงการศูนย์การค้า 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 70,000 ตารางเมตร และโครงการอาคารสำนักงาน 2 อาคาร สูง 36 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 140,000 ตารางเมตร บริษัทได้วางงบลงทุน (เฉพาะในส่วนของ CPN) เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการดังกล่าวไว้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 5-6 ปี นับจากปี 2564 ทั้งนี้ การร่วมลงทุนในโครงการ Mixed-Use ดังกล่าว CPN ถือหุ้นในสัดส่วน 25%, กลุ่มเซ็นทรัล กรุ๊ป (ไม่รวมในส่วนที่เซ็นทรัลพัฒนาลงทุนอยู่) ถือหุ้น 26% และกลุ่มฮ่องกงแลนด์ ถือหุ้น 49%

          ด้านบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND คาดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอาคารสำนักงานมีความผันผวนน้อยกว่าธุรกิจค้าปลีกหรือศูนย์การค้า โดยยังสามารถรักษาระดับอัตราการเช่า (Occupancy) อยู่ที่ 90% ส่วนที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม ยังมียูนิตที่รอการขายและโอน ซึ่งเป็นเพนต์เฮาส์ขนาดใหญ่มีมูลค่าสูง โดยจะเริ่มทำการตลาดช่วยส่งเสริมการขายในช่วงที่เหลือของปี

          สำหรับการทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF นั้นอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหุ้นทั้งจากกลุ่มผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นเดิม คาดหวังสัดส่วนหุ้นทั้ง 100% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจในระยะยาว โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากสถาบัน การเงิน และมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสัดส่วน D/E ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่า