กำลังซื้อตก-แบงก์เข้มปล่อยกู้
Loading

กำลังซื้อตก-แบงก์เข้มปล่อยกู้

วันที่ : 30 สิงหาคม 2564
พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนเบรกซื้อหันมาเช่าอยู่ เปิดทำเลฮิตรอบมหาวิทยาลัย-สุขุมวิท-พหลโยธิน-CBD อสังหาริมทรัพย์
   
          นับจากเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ในประเทศไทย ตลาดคอนโดมิเนียมกลายเป็นกลุ่มสินค้าในตลาดที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่คนเริ่มทางาน ชาวต่างชาติ และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้บางส่วนมีกาลังซื้อที่ลดลงจากผลกระทบเศรษฐกิจ และการลดเวลาจ้างงานในธุรกิจต่างๆ บางส่วนต้องเดินทางกลับประเทศต้นสังกัด และ บางส่วนต้องชะลอการซื้อเพื่อดูสถานการณ์ ทาให้ดีมานด์คอนโดฯ หดตัวกะทันหันอย่างรุนแรง ขณะที่จานวนซัปพลายในตลาดยังคงเพิ่มจานวนขึ้น ต่อเนื่อง

          อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดคอนโดฯ เริ่ม กลับมามีสัญญาณที่ดีขึ้น ภายหลังจากเกิดการระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยต้องกลับมาล็อกดาวน์จนธุรกิจทุกอย่าง หยุดชะงัก และมีผลต่อรายได้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากกว่าปกติ โดยประเด็นหลักที่สถาบันการเงินใช้ใน การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัย คือ เสถียรภาพทางการเงินและอาชีพของผู้กู้ ทำให้ในปัจจุบันมีเพียงกลุ่มคนจำนวนน้อยที่มีความสามารถในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย

          อัตราการปฏิเสธสินเชื่อและการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มข้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอแผนการซื้อที่อยู่อาศัยและเปลี่ยนมาเช่าที่อยู่อาศัยแทน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนเริ่มทำงานใหม่ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในย่านใจกลางเมืองและใกล้แหล่งทำงาน พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ความต้องการคอนโดฯ เช่าปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และหากยังมีทิศทางเช่นนี้เชื่อว่าในระยะอันใกล้นี้ตลาดคอนโดฯ น่าจะกลับมาเห็นแสงปลายอุโมงค์ได้ไม่ยาก

          นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอลซันแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าจริงๆแล้วค่อนข้างมีปัญหามาก่อนจะเกิดวิกฤตโควิด-19 แล้วเนื่องจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จเข้าสู่ตลาดมีจำนวนมากในแต่ละปี อีกทั้งมีผู้ซื้อบางส่วนที่ตั้งใจซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในระยะยาว หรือซื้อมาเพื่อปล่อยเช่าโดยหวังทั้งรายได้จากค่าเช่าและขายต่อใน อนาคตในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจัดได้ว่าเป็นการลงทุนใน ระยะยาว โดยกลุ่มเปาหมายของนักลงทุนรูปแบบนี้ คือ ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยและต้องการที่พักในระยะยาวมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะการปล่อยเช่ารายวันผ่านการดูแลของกลุ่มบุคคลหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในประเทศไทย แม้ว่าการทำแบบนี้จะมีให้เห็นอยู่บ้าง

          อย่างไรก็ตาม หลังเกิดวิกฤตโควิด-19 มีผลให้การลงทุนหรือธุรกิจจำนวนมากจำเป็นต้องชะลอการลงทุนหรือยกเลิกการขยายกิจการ รวมไปถึงหยุดกิจการชั่วคราวชาวต่างชาติที่เคยเช่าคอนโดมิเนียมอยู่เริ่มทยอยย้ายออกและกลับประเทศไป แต่ก็ยังมีชาวต่างชาติบางส่วนที่เลือกที่จะย้ายออกจากที่พักที่พวกเขาเคยอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นอพาร์ตเมนต์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรมมาเช่าคอนโดมิเนียมอยู่ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่แตกต่างกัน แค่หาบริการเรื่องของการทำความสะอาดและซักรีดเสื้อผ้าเพิ่มเติมเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดคอนโดมิเนียมเช่าจะมีลูกค้าต่อเนื่องแบบไม่ขาดตอน หรือไม่ได้รับผลกระทบ

          ก่อนหน้านี้ด้วยจำนวนคอนโดมิเนียมที่เข้าสู่ตลาดในแต่ละปีมีมากกว่า 40,000 ยูนิตหรือมากกว่านี้ในบางปีมีผลให้จำนวนคอนโดมิเนียมสะสมในกรุงเทพมหานครมากกว่า 650,000 ยูนิตไปแล้ว และมีไม่น้อยกว่า 5% ในจำนวนนี้ที่ต้องการปล่อยเช่า นั่นหมายความว่า จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีคนซื้อไว้เพื่อต้องการปล่อยเช่ารายเดือนนั้นมีไม่น้อยกว่า 33,000 ยูนิต แม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่สามารถคาดการณ์จำนวนที่แท้จริงได้ก็ตาม จำนวนที่แท้จริงอาจจะมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ แต่ด้วยจำนวนคอนโดมิเนียมเพื่อเช่ามากมายขนาดนี้ ประกอบกับมีที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นๆ ที่ให้เช่าระยะยาวเป็นทางเลือกอีก การลดน้อยลงของชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร จึงส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมเช่าแน่นอน

          โดยที่เห็นได้ชัดมากๆ คือ เรื่องของค่าเช่าที่มี นักลงทุนหลายรายเลือกที่จะลดค่าเช่าของตนเองลง โดยเฉพาะกลุ่มของนักลงทุนที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียม เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้อาจจะจำเป็นต้องการรายได้จาก ค่าเช่าคอนโดมิเนียมเพื่อนำมาเป็นค่าผ่อนชำระสินเชื่อธนาคาร ดังนั้น ได้ค่าเช่าลดน้อยลงก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ประกอบกับช่วง 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ความต้องการเช่าคอนโดมิเนียมลดน้อยลงไปแบบชัดเจน เพราะชาว ต่างชาติที่ทำงานในกรุงเทพมหานครลดจำนวนลงไป ชัดเจน ซึ่งจากสถิติของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว พบว่า ชาติต่างชาติที่ได้ใบอนุญาตทำงานและไม่ใช่ชาว เมียนมา ลาว และกัมพูชา รวมไปถึงชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ณ เดือนมิถุนายนปี 64 ลดน้อย ลงไปประมาณ 14,000 คน

          เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 62 การขาดหายไป ของชาวต่างชาติยังคงมีจากกลุ่มที่เข้ามาทำงานแบบ ชั่วคราวหรือเข้ามาดูงาน และไม่ได้ขอใบอนุญาตทำงานแล้วพักในที่พักที่บริษัทหรือองค์กรเช่าระยะยาวไว้ก็ยัง มีอีกจำนวนไม่น้อย รวมไปถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยวแต่เลือกที่จะเช่าคอนโดมิเนียม พักอาศัยเพราะอาจจะอยู่กันเป็นเดือน เพราะนอกจาก จะท่องเที่ยวแล้วอาจจะมีการมองหาช่องทางการทำ ธุรกิจในประเทศ ไทยด้วย เมื่อรวมๆ แล้วชาวต่างชาติ ที่หายไปจากกรุงเทพมหานครและเป็นกลุ่มเปาหมาย ของตลาดคอนโดมิเนียมเช่านั้นหลายหมื่นคน ทีเดียว

          นอกจากนี้การที่คนไทยส่วนหนึ่งทำงานที่บ้านไม่ต้องเข้าสำนักงานหรือจำนวนวันที่เข้าสำนักงานลดน้อยลงประกอบกับบุตรหลานไม่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตามปกติ ก็อาจจะมีผลให้คนไทยกลุ่มนี้บางส่วน ที่เช่าคอนโดมิเนียมอยู่ เพราะบ้านของพวกเขาอาจจะ อยู่ชานเมืองหรือไกลจากที่ทำงาน รวมไปถึงสถานศึกษาของบุตรหลานก็อาจจะขอยกเลิกการเช่าคอนโดมิเนียมไปเช่นกัน

          ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งจากปัจจัยต่างๆ นั้น เห็นได้ชัดเจนจากการขาดแคลนกลุ่มลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อค่าเช่าแน่นอน เพราะนักลงทุนบางส่วนเลือก ที่จะลดค่าเช่าลง ประกอบกับผู้เช่าที่ยังคงต้องการหาคอนโดมิเนียมเช่าในกรุงเทพมหานครเอง ก็พยายามหาคอนโดมิเนียมที่มีค่าเช่ารายเดือนที่ต่ำลง เพราะพวกเขาอาจจะมีเงินสนับสนุนจากบริษัทหรือองค์กรลดลง ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณการลดค่าเช่าจากกลุ่มของเจ้าของห้อง พวกเขาจึงพยายามต่อรองลดค่าเช่าลงมาให้มากที่สุด และไม่รีบตัดสินใจ เนื่องจากตัวเลือกในตลาดมีมากมาย อีกทั้งยังมีคนที่ต้องการผู้เช่าโดยไม่ยึดติดกับค่าเช่าหรือผลตอบแทนที่เคยตั้งความคาดหวังไว้ เรื่องของค่าเช่าที่ลดลงนั้นมีตั้งแต่ 10% หรือมากกว่า 50% ในบางยูนิตขึ้นอยู่กับเจ้าของยูนิตนั้นๆ และแน่นอนว่าเมื่อค่าเช่าลดลง ผลตอบแทนจากการเช่าที่เคยคาดหวังไว้ที่ 4-5% ต่อปีอาจจะลดเหลือเพียง 2-3% ต่อปี และอาจจะเป็นการทำให้ผลตอบแทนจากการเช่าไม่กลับในระดับเดิมอีกก็เป็นไปได้ เพราะผู้เช่าจำนวนไม่น้อยรับรู้ค่าเช่าในระดับนี้แล้ว การจะปรับค่าเช่าขึ้นในอนาคตก็อาจจะยากกว่าลดลงแบบตอนนี้ นักลงทุนที่มีต้นทุนสูงกว่าก็ได้รับผลกระทบแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถได้รับผลตอบแทนได้ตามที่ตั้งใจ

          ช่วงต้นปี 64 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันอาจจะเริ่มเห็นสัญญาณของกลุ่มผู้เช่าที่เป็นชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี โดยกลุ่มของชาวต่างชาติที่เข้ามาก็ยังคง มองหาคอนโดมิเนียมในทำเลยอดนิยมเดิมๆ ที่มีการเดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบในพื้นที่ ดังนั้น ทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟาทั้ง BTS และรถไฟใต้ดินจึงยังเป็นทำเลยอดนิยมต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท รัชดาภิเษก พหลโยธิน ยังคงได้รับความสนใจเช่นเดิม แต่ถ้ามองในทำเลที่ไกลออกไปหรือไม่ได้จำเพาะเจาะจงเป็นทำเลหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ทำเลรอบๆ มหาวิทยาลัยยังคงเป็นทำเลที่มีนักลงทุนให้ความสนใจต่อเนื่องมากที่สุด

          โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่อยู่ในจังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพมหานคร เนื่องจากราคาคอนโดมิเนียมไม่สูงมาก อีกทั้งความต้องการในอนาคตยังสามารถคาดหวังได้อยู่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเรียนออนไลน์กันอยู่ก็ตาม แต่เมื่อสถานการณ์ต่างๆ กลับมาดีขึ้น คอนโดมิเนียมเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการ นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะซื้อและโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมใน พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยกันต่อเนื่อง

          ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 มีนักลงทุนที่เป็นกลุ่มของนักลงทุนในระยะยาวหรือกลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อต้องการปล่อยเช่าในระยะยาว เลือกซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการที่ลดราคาขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วในช่วงกลางปี 63 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เพราะราคาขายลดลงมากกว่า 15% บางยูนิตในบางโครงการลดลงไปมากกว่า 30% ซึ่งเหมาะที่จะซื้อมาลงทุนปล่อยเช่า และราคาที่ซื้อในปัจจุบันยังสามารถนำมาปล่อยเช่าในราคาที่ไม่แตกต่างจากคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จก่อนหน้านี้ กลุ่มของ นักลงทุนที่มีเงินเก็บและไม่ได้ใช้เงินสินเชื่อธนาคารให้ความสนใจคอนโดมิเนียมที่ปล่อยขายแบบลดราคา แม้ว่าบางยูนิตอาจจะไม่ได้อยู่ในมุมหรือชั้นที่ดี แต่เพราะวัตถุประสงค์เพื่อการปล่อยเช่าจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อเพื่อการลงทุน

          อนาคตของตลาดคอนโดมิเนียมเช่าในกรุงเทพมหานครและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศไทยคงยังไม่ได้กลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้ แม้ว่าการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มเปิดให้มีการเดินทางได้แล้วก็ตาม แต่ยังคงต้องรอเวลาอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปีกว่าที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าคอนโดมิเนียมที่เข้าสู่ตลาดในแต่ละปีก็มีมากขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มของนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมก็เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องเช่นกัน ความคาดหวังของผลตอบแทนที่จะได้รับคง มีทิศทางที่ลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ไม่ได้สูงเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ 5-6 ปี อาจจะยังหลงเหลือเพียงคอนโดมิเนียมที่อยู่รอบมหาวิทยาลัยเท่านั้น ที่อาจจะยังสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่าคอนโดมิเนียมในเมืองชั้นในได้

          ด้าน นายธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence ในเครือบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่าแม้ว่าต้นปี 64 จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 และระลอก 3 แต่ตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อเช่า ยังคงได้รับความสนใจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกปี 64 ผู้บริโภคแสดงความสนใจห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 2/64 มีผู้บริโภคสนใจห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้น 42% จากไตรมาส 2/63

          จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความสนใจเช่าห้องชุดมากขึ้น  รวมถึงปรับเปลี่ยนทำเลและพฤติกรรมในการพักอาศัย เช่น เดิมผู้เช่าสนใจห้อง 1 ห้องนอน ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม.ที่เน้นพื้นที่ภายในห้องนอนมากกว่าพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันผู้เช่ามองหาห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43-60 ตร.ม.ที่เน้นประโยชน์จากการใช้ฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า พื้นที่ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำงานแบบ Work From Home หรือปรับเป็นพื้นที่ในการออกกำลังกายได้ รวมทั้งต้องการพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องพัก

          "สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการมองหาห้องชุดเพื่อเช่า ผู้เช่าต้องการห้องชุดที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Work From Home เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานอยู่ในห้องพัก และต้องการเช่าในระยะที่ยาวขึ้น และหากคอนโดฯ มีฟังก์ชันอื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติม เช่น สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากยิ่งขึ้น"

          แม้พฤติกรรมการหาห้องชุดเพื่อเช่าจะเปลี่ยนไป แต่ผู้เช่ายังให้ความสำคัญกับเรื่องของทำเล โดยยังคงมองหาห้องชุดในทำเลกลางใจเมือง มีระบบการเดินทางที่สะดวกสบาย และใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับทำเลที่ผู้เช่าให้ความสนใจและมีอัตราการเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ ทำเลสุขุมวิทตอนกลางถึงตอนปลาย ลาดพร้าว-พหลโยธิน

          ขณะที่ทำเลย่านสุขุมวิทตอนกลาง เริ่มตั้งแต่แยกอโศกไปจนถึงสถานีรถไฟฟาพระโขนง พบว่า มีความหลากหลายของการใช้ชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะ "ทองหล่อ-เอกมัย" เพราะเป็นทำเลที่มีปัจจัยหนุนเอื้อต่อการเติบโตในอนาคตอย่างมากมาย และยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ และในอนาคตพื้นที่นี้จะมีโครงการรถไฟฟาสายสีเทาจุดเชื่อมต่อที่บริเวณ BTS สถานีทองหล่อ (วัชรพล-ทองหล่อ) และอีกจุดที่ BTS สถานีพระโขนง (พระโขนง-ท่าพระ) มาเสริมศักยภาพพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราการเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 40% โดยส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% และมีอัตราค่าเช่าห้องชุดขนาดประมาณ 40-60 ตร.ม.เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพื่อปล่อยเช่าจำนวนมาก โดยมีอัตรา Rental Yield เฉลี่ย อยู่ที่ 4-6% (ข้อมูลปี 64) ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในทำเลสุขุมวิท

          ในส่วนของพื้นที่สุขุมวิทตอนปลาย ที่เริ่มจากสถานีรถไฟฟาพระโขนงไปจนถึงสถานีแบริ่งนั้น เป็นทำเลที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนวัยทำงาน หรือ First Jobber อย่างมาก โดยมีสัดส่วนการเช่าสูงถึง 50% จากกลุ่มผู้เช่าทั้งหมด เนื่องจากราคาปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมยังไม่สูงมาก ห้องชุดขนาด 40-60 ตร.ม.จะมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 24,000 บาทต่อเดือน

          ส่วนทำเลลาดพร้าว-พหลโยธิน เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีอัตราการเติบโตของตลาดเช่าค่อนข้างดี เนื่องจากการขยายตัวของรถไฟฟาสายใหม่อย่างสายสีเขียวส่วนต่อขยาย  (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าต่างๆ สถานศึกษา ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้ตลาดเช่ามีอัตราการเติบโตในอนาคต โดยปัจจุบันค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน โดยกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงาน นักศึกษา โดยมีอัตราผลตอบแทน ในการลงทุนปล่อยเช่าเฉลี่ย 5%

          จากสัญญาณการขยายตัวของดีมานด์ในตลาดเช่าขณะนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อการระบายออกของห้องชุด ในตลาดที่ดีขึ้น จากการซื้อเพื่อลงทุนเนื่องจากกลุ่ม นักลงทุนได้รับปัจจัยกระตุ้นจากการที่สถาบันการเงิน ที่ประกาศลดวงเงินประกันเงินฝากลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาทซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจนำเงินฝากออกมาซื้อ ห้องชุดคอนโดฯ เพื่อลงทุนระยะยาวมากขึ้น เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายอสังหาฯในขณะนี้ต่ำกว่าปกติ 30-40% ถือเป็นช่วงนาทีทองของ ผู้ซื้อลงทุนมากที่สุด .
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ