TPIPL ปี 2562 ผลงานพลิกบวกจากธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจปิโตรเคมี เล็ง ขยายธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนามเน้นผลิตเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ แม้ราคาหุ้นต่ำ Book Value แต่ในอนาคตการทำกำไรของบริษัทยังมีศักยภาพ ด้านโบรกมองปัจจัยลบกดดันราคาหุ้นระยะสั้น เคาะ "ซื้อ" เป้าปีนี้ 3 บาท Upside เปิดกว่า 61%

          แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2561 ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไร สอดคล้องกับปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่องมาอยู่ที่ 8.8% เบื้องต้นคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2561 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปี 2560 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,259 ล้านบาท พร้อมกันนี้คาดว่าปี 2562 ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตได้ประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยยังคงสัดส่วนรายได้ %เปลี่ยนจากธุรกิจวัสดุก่อสร้างไว้ประมาณ 65-70% แปลงและธุรกิจปิโตรเคมีประมาณ 30-35%

          "ปีนี้ถ้ารวมผลการดำเนินงานของ TPIPP น่าจะมีกำไร แต่ถ้าเป็นผลการดำเนินงานเฉพาะ TPIPL จะต้องรอดูอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันปิดงวดบัญชีปี 2561 ว่าจะมีผลกำไร หรือขาดทุนทางบัญชี แต่สำหรับปี 2561 คาดว่าว่าธุรกิจของ TPIPL จะเทิร์นอะราวด์"

          เดินหน้าซื้อหุ้นคืน

          ทั้งนี้เชื่อว่าบริษัทยังมีศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต โดยได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าจะขอซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 6 เดือน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน TPIPL ซื้อหุ้นคืนแล้วทั้งสิ้น 35,734,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนสูงสุดตามโครงการ 1,009,500,000 หุ้น ประกอบกับราคาซื้อ-ขายหุ้น TPIPL ในตลาดหลักทรัพย์ ณ ปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ตามงบดุลของบริษัท (Book Value) จึงคาดว่าระยะเวลา 2 เดือนที่เหลือบริษัทจะใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นคืนจนเต็มจำนวนที่ขอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้

          "เชื่อว่าศักยภาพของบริษัท ประกอบกับในปี 2562 น่าจะได้เห็นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง  และ ณ ราคาซื้อ-ขายในปัจจุบัน ถือว่าถูกมาก เท่ากับว่าผู้ที่ซื้อหุ้น TPIPL ในราคานี้ได้ TPIPP ซึ่ง TPIPL ถือในสัดส่วน 70% ไปฟรีๆ และ ณ สิ้นปี 2561 นี้คาดว่า TPIPP โตได้กว่า 50% อีกทั้งยังมีแผนขยายฐานพลังงานการผลิตไฟฟ้าออกไปทั้งโซลาร์ และลม เนื่องจากในอนาคต กลุ่ม TPIPL จะโตจาก TPIPP เป็นหลัก ดังนั้นระยะเวลา 2 เดือนที่เหลือจะซื้อหุ้นคืนมาจนเต็มจำนวน 1,009,500,000 หุ้นตามที่แจ้งไว้" แหล่งข่าวกล่าว

          เล็งลงทุนเวียดนาม

          แหล่งข่าวกล่าวว่า TPIPL อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศเวียดนาม เน้นการผลิตเม็ดพลาสติกเอทิลีนไวนิลแอซีเตด หรือ EVA ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความยืดหยุ่นและโค้งงอได้ดีคุณสมบัติที่สำคัญคือ มีความแข็ง เหนียว ไม่เสียรูปทรงง่าย

          "ธุรกิจปิโตรเคมีของ TPIPL เน้นเจาะตลาด "นิชมาร์เก็ต" ที่มีขนาดเล็ก สามารถปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ผลิต EAV ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ง่าย ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตแผ่นรองรองเท้าให้กับผู้ประกอบการรองเท้ารายใหญ่ รวมถึงผลิตกาวคุณภาพพิเศษได้หลากหลายตามการใช้งานทั่วไป และในอุตสาหกรรมก่อสร้างต่างๆ และอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนสร้างโรงงานใหม่ หรือซื้อกิจการเดิมมาปรับปรุงเครื่องจักร เพราะ ณ ปัจจุบันกำลังการผลิตยังมีจำกัดไม่สามารถรองรับคำสั่งซื้อในปริมาณมากได้ ซึ่งจะหนุนให้กำไรได้สูงกว่าเดิม"

          เคาะ "ซื้อ" เป้าหมาย 3 บ.

          บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ระยะสั้นราคาหุ้นของ TPIPL จะยังได้รับแรงกดดันจากผลการดำเนินงานที่ขาดทุน แต่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันที่เคลื่อนไหวระหว่าง 1.75-1.81 บาทต่อหุ้น เกือบเท่ามูลค่าเงินลงทุน 70% ที่ TPIPL ลงทุนใน TPIPP ซึ่งราคาเคลื่อนไหวระหว่าง 6.00-6.30 บาทต่อหุ้น หรือ ประมาณ 35,695-37,170 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.78 บาทต่อหุ้น

          ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายของ TPIPL ปี 2561 ด้วยวิธี Sum of The Part ได้เท่ากับ 3.00 บาท จึงแนะนำ "ซื้อ" ราคา ณ ปัจจุบันมี Upside กว่า 61%