สัมมากรผนึกทุนศรีสะเกษ สิริมงคล พร๊อพเพอร์ตี้ ลุยแนวบ้านแนวราบย่านพระราม 9 พร้อมเร่งศึกษาพัฒนาที่ดิน 25 ไร่พัทยา

          นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้น ส่วนจำกัด สิริมงคล พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน จ.ศรีสะเกษ เพื่อพัฒนาโครงการระดับแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ย่านพระราม 9 กรุงเทพฯ จำนวน 2 แปลง 20 ไร่ โดย จดทะเบียนก่อตั้งในนามบริษัท สัมมากร พลัส ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท

          "การร่วมทุนกันถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนและเป็นการแชร์ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน เนื่องจากมีความถนัดในการพัฒนาโครงการแนวราบก็จะได้ฐานลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อยูนิตในโครงการ  ประเมินในเบื้องต้นโครงการที่ร่วมกันพัฒนานั้นมูลค่าจะไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านบาท ราคาทาวน์โฮมจะอยู่ที่ 8-9 ล้านบาท/ยูนิต บนเนื้อที่ 10 ไร่ ส่วนบ้านเดี่ยวราคาจะอยู่ที่ 10 ล้านบาท/ยูนิต จำนวน 40 ยูนิต บนเนื้อที่ 10 ไร่" กิตติพล กล่าว

          นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสะสมในพัทยาบริเวณนาจอมเทียน จำนวน 25 ไร่ ใกล้กับสวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค ห่างจาก โอเชียน มารีนา ยอชต์คลับ ประมาณ  3 กิโลเมตร ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีศักยภาพเหมาะที่จะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูส แต่เนื่องจากขนาดที่ดินใหญ่มากจึงต้องใช้เม็ดเงินสูงในการพัฒนาที่ดินในพัทยา จึงมีความต้องการหาผู้ร่วมทุนพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าว ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นตัวแทนคัดเลือกบริษัทเข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการที่ดินแปลงดังกล่าว โดยเบื้องต้นมีการ นำเสนอ 3 รูปแบบ คือ 1.พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย 2.พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยกับโรงแรม 3.คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งอาจจะพัฒนาใน รูปแบบผสมผสานแบบมิกซ์ยูส

          นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างคัดเลือกบริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุนเพื่อพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ปัจจุบันกลุ่มทุนทั้งในประเทศและ ต่างชาติยังไม่มีรายใดแสดงความสนใจ ที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวนั้นไม่อยู่ติดกับทะเล ประกอบกับปริมาณอุปทานเหลือขายของคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงที่ผ่านมา ยังมีเหลืออยู่ค่อนข้างมาก ที่ผ่านจึงเห็น ผู้ประกอบการไทยบางรายมีการขายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้ ผู้ประกอบการรายอื่นไปพัฒนาต่อ

          "ที่ผ่านมาแม้ว่าภาครัฐจะเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี มีโครงการรถไฟความเร็วสูง แต่ที่ดินในพัทยาก็ใช่ว่าจะได้รับความสนใจที่จะนำมาพัฒนาทุกแปลง อย่างบริเวณนาจอมเทียน คาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ต้องให้โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เกิดขึ้นอย่าง เป็นรูปธรรม" นายภัทรชัย กล่าว