โชว์สถิติ 9 ครั้ง วิ่งก่อนวันกาบัตร 2 สัปดาห์

          โบรกเกอร์เปิดโผกลุ่มหุ้น รับอานิสงส์เลือกตั้ง"ดีบีเอส"ยก5กลุ่ม ได้ประโยชน์"ค้าปลีก-สื่อสาร-รับเหมาแบงก์-นิคมอุตฯ" ขณะ "ทรีนีตี้" โชว์สถิติ 9 ครั้งที่ผ่านมา ดัชนีวิ่งก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ และหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ พุ่งเฉลี่ย 6%

          นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการ บริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตในวานนี้(4ก.พ.) น่าจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ซึ่งมี 5 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์จากการจับจ่าย ใช้สอยมากขึ้น และคาดว่าผลประกอบการ ไตรมาส4 ปี 2561 ออกมาดี ทำให้ราคามีโอกาส ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2. กลุ่มสื่อสาร เพราะช่วงเลือกตั้งจะมีการติดต่อสื่อสารมากขึ้น

          3. กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง จากหลังเลือกตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโต 4. หุ้นกลุ่มธนาคาร จากประโยชน์คาดว่า จะมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นจากภาครัฐและ เอกชนมีการลงทุนมากขึ้น และ 5. หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากที่นักลงทุนต่างประเทศมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนมากขึ้นหลังจากที่มีการเลือกตั้ง และจากประเด็นสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน ทำให้นักลงทุนจีนมีการย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย

          ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าว ถือว่าปรับเพิ่มขึ้น แล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 และยังปรับขึ้นต่อเนื่องเดือนม.ค.ที่ผ่านมาด้วย นักลงทุนที่ยัง ไม่มีหุ้นดังกล่าวในพอร์ต หากเข้าซื้อตอนนี้ อาจจะได้ผลตอบแทนไม่มากนัก ส่วนนักลงทุน ที่มีหุ้นอยู่แล้ว สามารถถือลงทุนต่อได้ หากราคาหุ้นยังอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ย 10 วัน

          หุ้นกลุ่มค้าปลีกแนะนำ คือ บมจ. ซีพีออลล์ (CPALL) ให้ราคา 83 บาท,  บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ราคาพื้นฐาน 60 บาท, หุ้นกลุ่มสื่อสารแนะนำบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ให้ราคาพื้นฐาน 223 บาท

          หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง แนะนำคือ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) ให้ราคาพื้นฐานที่ 504 บาท, บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ให้ราคาเหมาะสมที่ 31 บาท,  บมจ. ช.การช่าง (CK) ราคาพื้นฐานที่ 30 บาท

          หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ให้ราคาพื้นฐานที่ 26 บาท, บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ให้ราคา 4.72 บาท, หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ให้ราคาพื้นฐาน 260 บาท

          นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า จากสถิติการเลือกตั้งของไทย 9 ครั้งที่ผ่านมานับจากปี 2535 พบว่า ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ และหลังจากเลือกตั้งอีก 1 สัปดาห์ โดยดัชนี ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6% และจากสถิติการเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุดนับจาก ปี 2548 พบว่าหุ้นที่ให้ผลอตอบแทนสูงสุด คือ  กลุ่มสื่อ 5% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ระดับ 4.6% กลุ่มค้าปลีก 4.4% และ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 4.4 %

          สำหรับหุ้น กลุ่มสื่อ แนะนำลงทุน บมจ. วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ให้ราคาเหมาะสม ที่ 8.5 บาท, 2.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำลงทุน หุ้น บมจ. เอพี (ประเทศไทย) (AP)ราคาเหมาะสม 10.40 บาท, บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH)  ให้ราคาเหมาะสมที่ 11.20 บาท, บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์  (QH) ให้ราคาเหมาะสมที่ 3.90 บาท 3.กลุ่มค้าปลีก แนะนำหุ้นCPALL ให้ราคาที่ 89 บาท, บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ให้ราคาที่ 18.20 บาท, บมจ. โรบินสัน (ROBINS) ให้ราคาที่ 83บาท  และ 4. หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ  BBL ให้ราคาเหมาะสมที่ 231 บาท, ธนาคารกรุงไทย (KTB)ให้ราคาเหมาะสม ที่ 21.40 บาท บมจ.ทุนธนชาต (TCAP)ให้ราคาเหมาะสมที่ 67 บาท

          "หุ้น 4 กลุ่มที่ได้รับผลดีจากการเลือกตั้งซึ่งหุ้นที่ลงทุนได้เลยตอนนี้คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากราคาหุ้นยังขึ้น ไม่มาก และมีปันผลที่สูง ส่วนอีก 3 กลุ่ม แนะนำให้ลงทุนช่วงใกล้เลือกตั้ง จากที่หุ้นจะ ขึ้นก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์และหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์" นายณัฐชาต กล่าว