เรลลิงก์จบปัญหาวิ่งครบ9ขบวน ตั้งเป้าผู้โดยสาร1แสนคนต่อวัน
วันที่ : 9 กุมภาพันธ์ 2562
“ไพรินทร์” หน้าบาน เรลลิงก์วิ่งครบ 9 ขบวนแล้ว ตั้งเป้าผู้โดยสารแตะ 1 แสนคนต่อวัน พร้อมสั่งเตรียมตัวโอนย้ายบริษัทไปบริหาร “สายสีแดง” หลังมอบเรลลิงก์ให้ผู้รับงานไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน
“ไพรินทร์” หน้าบาน เรลลิงก์วิ่งครบ 9 ขบวนแล้ว ตั้งเป้าผู้โดยสารแตะ 1 แสนคนต่อวัน พร้อมสั่งเตรียมตัวโอนย้ายบริษัทไปบริหาร “สายสีแดง” หลังมอบเรลลิงก์ให้ผู้รับงานไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ก.พ.) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ซึ่งล่าสุดได้ทำการปรับปรุงและซ่อมแซมขบวนรถโดยสารทั้งหมด 9 ขบวนให้สามารถวิ่งบริการได้ครบแล้ว
นายไพรินทร์ กล่าวว่า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์สามารถให้บริการได้ครบ 9 ขบวนมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว แสดงว่า รฟฟท.สามารถแก้ปัญหาได้จริง อีกทั้งได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 รฟฟท.ได้รับการรับรอง ISO 9001 : 2015 ขอบเขต : วิศวกรรมและซ่อมบำรุงทั้งหมดในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองแล้ว จึงเป็นการการันตีได้ว่าการให้บริการจะไม่ถดถอยลงอีก
ขณะเดียวกันพบว่าจำนวนผู้ใช้บริการยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทำสถิติสูงสุดที่ 8.8 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับทราบแล้ว และนายอาคมได้สั่งการว่า ให้ รฟฟท.ตั้งเป้าหมายว่าต้องมีผู้โดยสารถึง 1 แสนคนต่อวัน
นายไพรินทร์ กล่าวต่อว่า มั่นใจรฟฟท.จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพราะขณะนี้ผู้โดยสารสูงสุดก็อยู่ที่ 8.8 หมื่นคนต่อวันแล้ว โดยล่าสุดรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์วิ่งบริการด้วยความถี่ทุก 10 นาที และในเดือนเมษายนนี้จะปรับเป็น 8 นาทีครึ่ง และจะคงที่ความถี่ดังกล่าวไว้ตลอด ซึ่งการเพิ่มความถี่จะทำให้ผู้โดยสารแต่ละขบวนลดความแออัดลง และทำให้มีผู้มาใช้บริการได้มากขึ้น อีกทั้งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเริ่มเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะมีจุดเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตเรลลิงก์ที่พัฒนาการ และจะช่วยเพิ่มยอดผู้โดยสารให้แอร์พอร์ตเรลลิงก์ด้วย
สำหรับภารกิจที่สำคัญอีกประการของ รฟฟท. คือ การเตรียมพร้อมโอนย้ายการทำงานไปบริหารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากต้องส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้กับผู้รับงานลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยผู้รับงานชำระเงินให้ ร.ฟ.ท. 10,671 ล้านบาท ขณะที่ ร.ฟ.ท.จะส่งมอบแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้หลังจากลงนามในสัญญารถไฟความเร็วสูง 2 ปี ซึ่งล่าสุดตนได้รับรายงานว่าคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ได้มีมติเห็นชอบให้ รฟฟท.เป็นผู้บริหารรถไฟสายสีแดง และได้ส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ
นอกจากนี้ เชื่อว่าการบริหารรถไฟสายสีแดงของ รฟฟท.จะไม่มีปัญหาซ้ำรอยแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เพราะ ร.ฟ.ท.จะเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานระหว่างกันให้คล่องตัวมากขึ้น โดยให้ รฟฟท.ดำเนินงานในลักษะการร่วมทุนแบบ Net Cost คือ ให้ รฟฟท.บริการเดินรถ จัดเก็บรายได้ และแบ่งส่วนบางรายได้ให้ ร.ฟ.ท. จากเดิมที่ ร.ฟ.ท.ให้ รฟฟท.บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์แบบ Gross Cost คือ รับจ้างเดินรถอย่างเดียว ส่งผลให้ขาดอิสระในการบริหารงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ก.พ.) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ซึ่งล่าสุดได้ทำการปรับปรุงและซ่อมแซมขบวนรถโดยสารทั้งหมด 9 ขบวนให้สามารถวิ่งบริการได้ครบแล้ว
นายไพรินทร์ กล่าวว่า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์สามารถให้บริการได้ครบ 9 ขบวนมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว แสดงว่า รฟฟท.สามารถแก้ปัญหาได้จริง อีกทั้งได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 รฟฟท.ได้รับการรับรอง ISO 9001 : 2015 ขอบเขต : วิศวกรรมและซ่อมบำรุงทั้งหมดในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองแล้ว จึงเป็นการการันตีได้ว่าการให้บริการจะไม่ถดถอยลงอีก
ขณะเดียวกันพบว่าจำนวนผู้ใช้บริการยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทำสถิติสูงสุดที่ 8.8 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับทราบแล้ว และนายอาคมได้สั่งการว่า ให้ รฟฟท.ตั้งเป้าหมายว่าต้องมีผู้โดยสารถึง 1 แสนคนต่อวัน
นายไพรินทร์ กล่าวต่อว่า มั่นใจรฟฟท.จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพราะขณะนี้ผู้โดยสารสูงสุดก็อยู่ที่ 8.8 หมื่นคนต่อวันแล้ว โดยล่าสุดรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์วิ่งบริการด้วยความถี่ทุก 10 นาที และในเดือนเมษายนนี้จะปรับเป็น 8 นาทีครึ่ง และจะคงที่ความถี่ดังกล่าวไว้ตลอด ซึ่งการเพิ่มความถี่จะทำให้ผู้โดยสารแต่ละขบวนลดความแออัดลง และทำให้มีผู้มาใช้บริการได้มากขึ้น อีกทั้งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเริ่มเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะมีจุดเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตเรลลิงก์ที่พัฒนาการ และจะช่วยเพิ่มยอดผู้โดยสารให้แอร์พอร์ตเรลลิงก์ด้วย
สำหรับภารกิจที่สำคัญอีกประการของ รฟฟท. คือ การเตรียมพร้อมโอนย้ายการทำงานไปบริหารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากต้องส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้กับผู้รับงานลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยผู้รับงานชำระเงินให้ ร.ฟ.ท. 10,671 ล้านบาท ขณะที่ ร.ฟ.ท.จะส่งมอบแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้หลังจากลงนามในสัญญารถไฟความเร็วสูง 2 ปี ซึ่งล่าสุดตนได้รับรายงานว่าคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ได้มีมติเห็นชอบให้ รฟฟท.เป็นผู้บริหารรถไฟสายสีแดง และได้ส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ
นอกจากนี้ เชื่อว่าการบริหารรถไฟสายสีแดงของ รฟฟท.จะไม่มีปัญหาซ้ำรอยแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เพราะ ร.ฟ.ท.จะเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานระหว่างกันให้คล่องตัวมากขึ้น โดยให้ รฟฟท.ดำเนินงานในลักษะการร่วมทุนแบบ Net Cost คือ ให้ รฟฟท.บริการเดินรถ จัดเก็บรายได้ และแบ่งส่วนบางรายได้ให้ ร.ฟ.ท. จากเดิมที่ ร.ฟ.ท.ให้ รฟฟท.บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์แบบ Gross Cost คือ รับจ้างเดินรถอย่างเดียว ส่งผลให้ขาดอิสระในการบริหารงาน
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ