นายบุญ ชุนเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายในตลาดอสังหาปี 62 นี้ส่งผลให้บริษัทต้องระมัดระวังในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อควบคุมปัญหาการเก่งกำไร ของนักลงทุน ปัญหาการส่งออกและปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา แนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อและกำลังซื้อของลูกค้าในตลาด

          โดยในปี 62 นี้สิว่าไทยจะเน้นปัจจัยความเสี่ยงการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบให้มากขึ้นโดยเฉพาะโครงการ ทาวน์เฮาส์ ขณะเดียวกัน ก็จะขยายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกโดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะเปิดตัวโครงการแนวราบในต่างจังหวัดให้ได้อย่างน้อย1โครงการ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเพิ่มพอร์ตรายได้จากการให้เช่าโรงงาน โดยวางเป้าว่าจะเทคโอเวอร์โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม อย่างน้อย 1 โรงงาน และเพื่อรองรับการเพิ่มรายได้ในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่า บริษัทตั้งเป้าว่าจะผลักดันให้มีอัตราการเช่าโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากโรงงานในพอร์ตทั้งหมด 10 โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้

          สำหรับนโยบายและกลยุทธ์ในการผลักดันให้เกิดการเติบโตขององค์กรบริษัทยังคงเน้นสร้างการเติบโต 100% แนวทางคือ การ ซื้อที่ดินเข้ามาเพื่อลงทุนพัฒนาเองและการเข้าเทกโอเวอร์โครงการ เดิมเพื่อมาพัฒนาต่ออย่างไรก็ตามในการขยายตลาดสู่ต่างจังหวัดบริษัทจะเน้นการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่แทนการเข้าไปลงทุนเองทั้งหมด 100% เนื่องจากการลงทุนพัฒนาเองทั้งหมดจะทำให้เสียเปรียบด้านการแข่งขันกับผู้ประกอบการในพื้นที่เดิม

          นอกจากนี้ ยังมีแผนจะขยายกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ของมูลค่าโครงการแนวสูง โดย ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดโอนจากลูกค้าต่างชาติ10% ของมูลค่าการโอนคอนโดหรือมียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 250 ล้านบาท จากแนวทางดังกล่าวทำให้บริษัทได้ตั้งทีมการขายลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะโดยจะเน้นเปิดตลาดกลุ่มลูกค้าจีนในเมืองรองจากเดิมที่ผู้ประกอบการเน้นเปิดตลาดในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศจีน

          นายบุญ กล่าวว่าสำหรับแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ปี 62 นี้บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการมูลค่ารวม 10,651 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ คือโครงการชีวาโฮม สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศมูลค่า 890 ล้านบาท, ชีวาวัลย์ ปิ่นเกล้า-สาธร มูลค่า 1,200 ล้านบาท, ชีวารมย์ นครอินทร์ 1,593 ล้านบาท อีก 2 โครงการอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าโครงการละ 700 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวสูงมี 3 โครงการ คือ ชีวาทัยเกษตรนวมินทร์ มูลค่า 1,700 ล้านบาท, ฮอลล์มาร์คโชคชัย 4 มูลค่า 2,011 ล้านบาท และชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,587 ล้านบาท ที่เหลืออีกสองโครงการเป็นโครงการร่วมทุนคือฮาร์ทสุขุมวิท 36 ซึ่งชีวาทัยถือหุ้น 70% มีมูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท และโครงการกมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง ในภูเก็ต ซึ่งชีวาทัย ถือหุ้น 25% จากมูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท

          "ในปีนี้บริษัทตั้งงบพัฒนาโครงการไว้ 5,191 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดิน 3,261 ล้านบาท และงบการก่อสร้างและพัฒนาที่ดิน 1,930 ล้านบาท ขณะเดียวกันตั้งเป้าว่าปี 62 จะมียอดขายรวม 2,880 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าที่มียอดขายดี 2,676 ล้านบาทเติบโต 20% โดยขณะนี้บริษัทมีแบ็กล็อกรอรับรู้รายได้ในมือแล้ว 585 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้"