ทุกค่ายมุ่งตลาดล่างไม่เกิน2ล้าน

          บ้านหลังแรกรอดเกณฑ์ LTV บิ๊กเนมพลิกเกมลุยคอนโดฯ 1 ล้านปลาย ดูดกำลังซื้อนักศึกษา วัยเริ่มทำงาน เงินเดือน 20,000-25,000 บาท ชูจุดขายผ่อนถูกกว่าเช่า

          จากมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควบคุมการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินโดยเฉพาะเกี่ยวกับการกู้ร่วม กลับถูกตีความให้อยู่ในข่ายสัญญาที่ 2 ที่ 3 ส่งผลให้ขีดความสามารถในการซื้อคอนโดมิเนียมมีความหนืด ขายช้าลง เนื่องจากจะมีเพียงกลุ่มบ้านหลังแรก และบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ไม่กระทบจากเกณฑ์แอลทีวีดังกล่าว

          แม้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 และ ช่วงไตรมาสแรก ของปี 2562 จะมีการเร่งขาย เร่งโอน ก่อนมาตรการ รัฐที่จะเริ่มวันที่ 1 เมษายนนี้ อีกด้านหนึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ปรับแผนการทำตลาด เจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รวมทั้งช่องทางตลาดใหม่ๆ เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด โดยพบว่าแต่ละค่ายส่วนใหญ่จะเบนเข็มพัฒนาคอนโดมิเนียม หรือไม่ก็บ้าน ระดับราคา 1 ล้านบาท ปลายๆ หรือ ไม่เกิน 2 ล้านบาท

          จากการยืนยันของนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า การกำหนดเกณฑ์วางเงินดาวน์ 20% เฉพาะสัญญาที่ 2 ขึ้นไป และ บ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้ ขีดความสามารถในการขายจะชะลอหรือมีการขายช้าลง 2.5-3 หลัง ต่อ 1 คน เนื่องจากติดปัญหาเป็นผู้กู้ร่วม ซึ่งจะเข้าข่าย เกณฑ์ LTV ทันที ทำให้ตลาดส่วนนี้หายไป ทางออกของการเดินเกม แต่ละค่ายจะมุ่งไปที่บ้านหลังแรก และลดขนาดลงมา ขณะตลาดบน กับตลาดต่างชาติสามารถไปได้ เพราะส่วนใหญ่ซื้อเงินสด

          ล่าสุด บมจ.พฤกษาฯประกาศแผนรุกตลาดกลางบน แต่กลุ่มระดับล่างยังไม่ทิ้ง โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์เฮาส์จับกลุ่มราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท โดยมีโครงการไฮไลต์อยู่ที่ โครงการ บ้านพฤกษา สุขุมวิท-บางปู ราคาเริ่มต้น  1.9 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในช่วงกลางปีนี้

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ย้ำว่า ปีนี้เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายตลาดล่าง ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 1 ล้านปลาย ในทำเลรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เช่นส่วนต่อขยายสายสีเขียว ต้นทุนที่ดิน ไม่สูงโดย เจาะลูกค้านักศึกษา และกลุ่มคนเริ่มต้นทำงาน เงินเดือน 20,000-25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะเป็นกลุ่มบ้านหลังแรก วางดาวน์ 10% เท่าเดิมหากราคาสูงกว่านี้จะต้องกู้ร่วมจะเข้าสัญญาที่ 2 ที่สำคัญ กลุ่มนี้ยังไม่มีการสร้างหนี้ ในช่วงเริ่มต้น

          เช่นเดียวกับ นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ระบุว่า บริษัท เน้นกลุ่มตลาดกลาง ซึ่งเป็นบ้านหลังแรก แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่จะเปิดโครงการทาวน์โฮม เพื่อลดผลกระทบจาก แอลทีวี

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานกรรมการ ระบุว่า ปีนี้บริษัทพัฒนาทุกกลุ่มมุ่งเจาะตลาดบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท รองรับกลุ่ม นักศึกษา คนเริ่มต้นทำงาน และกลุ่มเริ่มมีครอบครัว ทั้งนี้ หากกู้ 1 ล้านบาท สามารถผ่อน 4,000 บาท ต่อเดือน เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่า ยังมี กลุ่มที่ต้องการบ้าน และไม่กระทบ แอลทีวี

          ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจไทย ที่มีผลต่อกำลังซื้อไม่ดีในตลาดอสังหาฯปีนี้ ทำให้ในแง่การลงทุนเปิดโครงการใหม่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและต้องศึกษาดีมานด์-ซัพพลายแต่ละทำเลให้ดี แผนดำเนินงานปี 2562 จึงปรับกลยุทธ์ เจาะกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์มากขึ้น โดยมุ่งเน้นกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมมากขึ้น ส่วนคอนโดมิเนียม ลดลง ในระดับกลางสัดส่วน 27% และระดับล่าง ราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น สัดส่วนเกือบ 70% อีก 3% คือกลุ่มระดับบน ซึ่งเป็นการปรับเซ็กเมนต์จากปีก่อนค่อนข้างมาก

          "ตามแผนขยายคอนโดฯในกลุ่มราคาไม่แพง 2-3 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 3.5-5 ล้านบาทและ ทาวน์ เฮาส์ตั้งแต่ 1 ล้านบาทปลายๆ- 2.5 ล้านบาท รองรับกลุ่มบ้านหลังแรก ทั้งหมดจะเน้นโปรดักต์รองรับดีมานด์การอยู่อาศัยเอง"

          ขณะนายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ ประธานกรรมการ บริษัท ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด และ ในฐานะ นายกสมาคมอสังหาริม ทรัพย์ชลบุรี ระบุว่า มาตรการแอลทีวี เคยนำมาใช้เมื่อ 4-5 ปีก่อน และเคยมีการวางเงินดาวน์ สูงถึง 30% มาแล้ว สำหรับบริษัท เน้นกลุ่มเป้าหมายบ้านแนวราบระดับกลาง ราคาตั้งแต่ 4-7 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจริง ขณะกลุ่มระดับล่าง ยังติดปัญหาหนี้ครัวเรือน เครดิตบูโร สถาบันคุมเข้มสินเชื่อ หาก ลงมาพัฒนาตลาด ล่างจะมีผลกระทบวนกลับมา